ไม่มีคำตอบที่ดีที่สุด มีแต่ทางออกที่พอทำได้ ในสถานการณ์
บทความวันนี้ของผู้เขียนเริ่ มลงมือในยามแดดร้อนระอุ อันเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นฤดูร้ อนของประเทศไทย อากาศยามแดดแผดเผาผู้คนที่ตั้ งหน้าตั้งตาทำมาหากินในตลาดสด ตลาดของกิน ที่คลาคล่ำไปด้วยคนซื้อคนขายที่ เจรจาพาทีกันแบบกล้า ๆ กลัว ๆ จะหยิบจะจับ จะส่งอะไรให้กันดูมันต้ องระแวงระวังกันไปหมด ด้วยเหตุว่ากลัวติดเชื้อโควิด- 19 กัน เมื่อผู้เขียนได้ลองเข้าไปพูดคุ ยผ่านหน้ากาก ก็ยิ่งได้คำตอบว่า เวลานี้มีความตั้งใจทำงานมากกว่ าแต่ก่อนมาก ๆ แต่รายได้มันก็ยังไม่กลับมา น้ำมะม่วงน้ำมะพร้าว ของกินแสนอร่อยที่เคยขายให้นั กท่องเที่ยวชาวจีนแบบเข้าคิ วยาวเหยียดกลับต้องมาตั้ งตารอชาวบ้านชาวเมืองคนไทยลองลิ้ มชิมรสกันแบบแห้ง ๆ มันช่างวังเวงใจจริง ๆ
พอได้อ่านข่าวการให้ข้อมูล ของท่านเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า “…. กนง. ยังให้ความสำคัญกับการติดตามปั จจัยที่อาจฉุดรั้งการเติ บโตของเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ทั้งการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน (supply chain disruption) ความตึงเครียดของสถานการณ์ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยู เครน ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาพลั งงานโลกปรับสูงขึ้น และส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้ นไปยังสินค้าอื่น ทั้งยังต้องติดตามความเพี ยงพอของมาตรการการคลั งและมาตรการการเงิน เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรื อนและหนี้ภาคธุรกิจ…” เมื่อผ่านการคิดแบบชาวบ้านก็คิ ดต่อได้ว่า ถ้าการระบาดด้วยสายพันธุ์ที่ติ ดง่ายแบบนี้ การจะกลับไปปกติ เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ ามาคงยาก เพราะถ้านักท่องเที่ยวจี นเจอนโยบายของเขาคือ Zero COVID-19 เขาจะมาเมืองเรา เที่ยวเสร็จกลับเมืองเขา เขาจะไหวเหรอ ถ้าเป็นแบบนี้คงยากที่ เขาจะมาเที่ยว มากินน้ำมะม่วง น้ำมะพร้าวบ้านเรา พออ่านต่อก็เจอเรื่องมีศึ กสงครามที่ต่างบ้านต่างเมือง น้ำมันจะแพงขึ้นไปอีกไหม นี่ก็ใกล้ 2 ลิตร 100 บาทแล้ว ต้นทุนข้าวของจะพุ่งไปอีกไหม ถ้ามันเพิ่มเยอะทุกสิ่งอย่าง เงินจะพอเหลือเก็บ เหลือไปใช้หนี้ไหม หนี้พวกนี้มันก็มาตั้งแต่ก่ อนโควิด-19 แล้ว ถ้าเกิดปรับโครงสร้างหนี้ ปรับตารางการชำระหนี้ไปแล้ว จะทำได้อีกไหม ส่วนพวกที่เป็นลูกจ้าง เป็นมนุษย์เงินเดือนกับกิจการ บริษัท ห้างร้าน ด้วยสถานการณ์แบบนี้ จะเจอการเลิกจ้างอีกหรือไม่ ถ้าเจอเข้าไป ก็คือไม่มีรายได้ พอไม่มีรายได้เแล้ว เรื่องร้าย ๆ มันจะทยอยมาหาแบบไม่หยุดอย่ างแน่นอน สถานการณ์แบบนี้คือ ยุคข้าวยากหมากแพง โรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น มิเห็นที่พึ่งพาจะอาศัย (ใครได้) ตอนสงครามโลกจบลงหมาด ๆ เราก็เจอไข้หวัดสเปน ตายกันเป็นเบือ คนสมัยก่อนก็ใช้วิธีทิ้งเมื องหนีโรค คนสมัยนี้มันจะทิ้งบ้านไปไหน ใช่ว่ามันจะอยู่ได้จริง ๆ ในโลก Metaverse อย่างที่จินตนาการกันไว้
อ่านข้อมูลต่อก็ชอบตรงที่ ท่านเลขานุการ กนง. ระบุว่า “….. อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะมองเป็นภาวะเงินเฟ้อหรื อของแพง แน่นอนว่า ประชาชนที่จำเป็นต้องใช้สอยสิ นค้าและบริการเหล่านั้นล้วนได้ รับผลกระทบ หรือถึงแม้ว่าเราจะบอกว่าอั ตราเงินเฟ้อไทย ณ ปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2 – 3% ต่อปี ถือว่าไม่สูงมาก แต่ก็ล้วนเป็นภาระค่าครองชีพที่ เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่ สุดคือ กลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้น้อย. ..” ผู้เขียนชอบตรงที่ท่านระบุว่า ของแพงขึ้นมันเป็นภาระค่าครองชี พ คนที่โดนมากสุดคือคนมีรายได้น้ อย สำหรับบางท่านที่ชอบการอธิบายว่ าเงินเฟ้อเพิ่มนิดหน่อยมันไม่ กระทบนั้น หากมองในเรื่องของความเหลื่อมล้ำ เรื่องฐานะที่แตกต่าง เรื่องของความสามารถในการรั บแรงกระแทกมันไม่เท่ากันก็ จะพบคำตอบว่า ทุกเรื่องเวลามันมา คนรายได้น้อยโดนก่อนเสมอ
ตามข้อมูลกันต่อก็จะอ่านพบว่า ท่านได้ระบุถึงประเด็นสำคัญว่า “… กลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้น้ อยเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนั กสุดถึง 3 เด้งด้วยกัน
เด้งแรก ครัวเรือนรายได้น้อยเป็นกลุ่มที่ มีสัดส่วนค่าใช้จ่ ายในหมวดอาหารและเครื่องดื่มสู งถึง 45% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ขณะที่ครัวเรือนรายได้สูงมีค่ าใช้จ่ายในหมวดนี้เพียง 26%
เด้งที่สอง กลุ่มครัวเรือนรายได้น้ อยจำนวนมากทำงานในกลุ่มธุรกิจที่ ค่อนข้างเปราะบาง เช่น ภาคบริการ การท่องเที่ยว หรืออาชีพอิสระ ซึ่งรายได้ยังไม่ฟื้นตัวมากเมื่ อเทียบกับธุรกิจอื่น สัดส่วนของภาระค่าใช้จ่ายเที ยบกับรายได้จึงสูงขึ้นเป็นพิ เศษสำหรับครัวเรือนที่มีรายได้ น้อย
เด้งที่สาม ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยมักมี หนี้สินค่อนข้างสูง จึงมีความเปราะบางและภาระค่าใช้ จ่ายมากกว่า.. “สรุปคือกลุ่มรายได้น้อยนั้น ค่าใช้จ่ายเพิ่ม รายได้ยังไม่มาหรือยังไม่แน่ นอน แถมมีหนี้เยอะ”
ดังนั้น การแก้หนี้โดยยืดออกไปแบบให้มี ภาระน้อยเช่นลดดอกเบี้ยลง เลี้ยงงวดให้ยาว ตอนชำระให้เข้าเงินต้นบางส่ วนไม่ใช่จ่ายแต่ดอกเบี้ย ตัดแนวขวาง อย่าเพิ่งฟ้องร้อง ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีคือไม่มี พยายามอยู่ ไม่คิดหนีหนี้หรือหนีหน้า แต่คือไทยด้วยกัน ขยี้กันเวลานี้มันมีแต่เจ็บทั้ งลูกหนี้เจ้าหนี้ พูดจาภาษาคนอย่าพู ดจาภาษากฎหมาย สร้างมหกรรมมาคุยกัน ไม่ใช่เออะก็จะฟ้อง มันก็ทะเลาะกันในที่สุด คนที่คิดเรื่องตัดหนี้แนวขวาง เข้าเงินต้นบ้างไม่ใช่ดอกเบี้ ยอย่างเดียว คิดดอกเบี้ยผิดนัดตามสมควรไม่ ใช่ตามอำเภอใจ การผิดนัดให้ผิดนัดในงวดที่ค้ างชำระ ไม่ใช่เอายอดคงเหลือทั้งหมดมาคิ ดดอกเบี้ยผิดนัด เงินกู้หักหน้าซองดอกเบี้ยที่คิ ดต้องถูกเพราะเสี่ยงต่ำกว่า ผู้ค้ำต้องค้ำแบบปลายปิดไม่ใช่ ปลายเปิด เรื่องพวกนี้ มันต้องใช้คนคิดที่เป็นกบฎต่ อระบบเดิม มองจากนอกเข้าไปข้างใน คุยกับคนเห็นตรงเห็นต่างมากมาย ความคิดแบบนี้คือ critical thinking ที่เราอยากได้ในองค์กรไม่ใช่ หรือ มันสำคัญที่ว่าเรื่องดี ๆ ที่ช่วยคนได้จริง (De facto) ไม่ใช่ช่วยคนด้วยจำนวนที่ไม่มี ชีวิตใน power point ใน excel หรือใน infographics สีสวย ๆ มันคือเป้าหมายสุดท้ายใช่หรื อไม่
เติ้ง เสี่ยว ผิง เคยระบุว่า แมวจะสีอะไร ไม่สำคัญ ขอเพียงจับหนูได้ เป็นใช้ได้ เราจึงเห็นจีนผงาดขึ้นมาทั้งที่ เคยถูกดูถูกว่า เป็นคนป่วยของเอเชีย ถ้าเราชอบแต่แมวที่เคล้าแข็ งเคล้าขาน่าเอ็นดู แต่กินเจ ปล่อยหนูเพ่นพ่านก่อให้เกิ ดโรคระบาดเชิงอุปถัมภ์ จนติดกันแต่ไม่แสดงอาการ มันจะเอาพลังตรงไหนไปสร้างเขื่ อนชะลอความรุนแรงจากเหตุปัจจั ยในเวลานี้….
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครั บ