หน้าผาหนี้ครัวเรือน…ความจริงที่รออยู่
ในช่วงเวลาที่ค่อนข้างยากลำบากของคนที่เป็นหนี้ ไม่ว่าจะหนี้ที่ก่อเพื่อคุณภาพชีวิต หนี้ที่ก่อเพื่อความสะดวกสบายในชีวิต หนี้ที่ก่อเพื่อการประกอบสัมมาอาชีพ เมื่อเป็นหนี้แล้วก็ต้องใช้หนี้ สัญญาต้องเป็นสัญญา หลักการดังกล่าวนี้เป็นพื้นฐานที่ทุกๆ คนต่างยอมรับนับถือมาโดยตลอด แต่ว่าเหตุการณ์ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2563 ที่เข้ามาเริ่มจากช่วงปลายปีที่แล้วที่พบเห็นการแพร่ระบาดของไวรัสในประเทศจีน เหตุการณ์ต่างๆ ที่เราต้องไม่ลืมซึ่งผู้เขียนขอไล่เรียงสรุปมามีดังนี้
1.ทางการยกระดับมาตรการป้องกันด้านสาธารณสุขในระดับสูงสุด เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าขีดความสามารถในการรองรับด้านสาธารณสุข
2.ทางการสั่งให้ระงับการดำเนินธุรกรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดการชะงักของการหารายได้ (Income shock) ธุรกิจที่ต้องมีการรับเงินเข้าจ่ายเงินออกมีปัญหาติดขัด สะดุด การรักษาลูกจ้างพนักงานต้องใช้เงินทุนที่มีจำกัด
3.ทางการจัดชุดมาตรการเยียวยา แก้ไขกลุ่มที่ต้องได้รับความช่วยเหลือเช่นเติมเงิน ลดค่าใช้จ่าย ท้ายสุดคือรักษาเครดิต โดยใช้เงินหลวงในจำนวนที่มากมายแบบไม่เคยพบเห็นมาก่อน
4.มาตการรักษาเครดิตคือการ “แช่แข็งหนี้” หมายถึงการชะลอการจ่ายเงินต้น จ่ายดอกเบี้ย ในรูปแบบต่างๆ โดยที่ไม่ถือว่าเป็นการ “ผิดนัดชำระ” ไม่มีการรายงานทางลบใดๆ เข้ามาในระบบของเครดิตบูโรซึ่งมาตรการนี้จะจบสิ้นราวเดือนสิบของปีนี้ หากแต่ธนาคารของรัฐได้ขยายเวลาไปจนถึงสิ้นปี 2563 นี้ พร้อมไปกับมาตรการเปิดเมืองแบบผ่อนคลายเป็นระยะๆ ตั้งแต่ระยะ 1 ถึงระยะ 5 ในปัจจุบันก่อนมีเหตุกระตุกเรื่องทหารอียิปต์
คำถามคือ เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับไปใช้เกณฑ์เดิมก่อนเมษายน 2563 คนที่มีหนี้แต่รายได้ไม่เหมือนเดิมจะมีใครบ้างที่ไปต่อไม่ได้ ไปต่ออย่างทุลักทุเล ไปต่อได้อย่างหืดขึ้นคอ หรือไปต่อไม่ได้เพราะตกงานถาวร เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายกำลังประเมินความรุนแรงของปัญหา
คำตอบคือ ยังไม่มีใครรู้ แต่จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจในปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ท่านผู้อ่านต้องเข้าใจก่อนว่ามันมีหลักเกณฑ์ดังนี้
1.บัญชีสินเชื่อใดมีการค้างชำระเกิน 90 วัน จะถือว่าเป็นหนี้เสียในภาษาชาวบ้านหรือภาษาทั่วไปคือ NPL
2.บัญชีสินเชื่อใดมีการค้างชำระแต่ยังไม่เกิน 90 วันจะถือว่าเป็นหนี้ที่ต้องติดตามใกล้ชิด ราชการเรียกว่าหนี้ที่กล่าวถึงเป็นพิเศษหรือ SM (Special Mention)
ทีนี้พิจารณาต่อตามตัวอย่าง นาย A. มีหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลบัญชีหนึ่ง มียอดผ่อนต่องวด 1,000 บาท นาย A. ค้างมาแล้วนับวันได้ 89 วัน จนถึงวันที่เขามีมาตรการแช่แข็งหนี้ คิดง่ายๆ คือค้างมาจะครบสามงวดแล้วและกำลังจะค้างต่อเป็นงวดที่สี่ พอดีมีมาตรการแช่แข็งหนี้เข้ามาทำให้ทุกอย่างไม่มีการขยับ วันที่จะนับว่าค้างต่อไปก็สะดุดหยุดลงไว้ก่อน วันเวลาก็ลากยาวมาจนสิ้นสุดโครงการถึงสมมุติว่า 31 ธันวาคม 2563 พอเปิดปีใหม่มาถ้านาย A. และเจ้าหนี้นาย A. ไม่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกันหรือ DR (Debt Restructuring) เวลาก็จะเริ่มเดินต่อไป วันค้างชำระก็จะเริ่มนับอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นวันที่ 1 มกราคม 2564 ก็จะเป็นวันที่ 90 ของการค้างชำระ วันที่ 2 มกราคม 2564 ก็จะเป็นวันที่ 91 ของการค้างชำระ บัญชีสินเชื่อนี้ของนาย A. ก็จะถูกกำหนดให้เป็นหนี้เสีย ตัวของนาย A. ก็จะกลายเป็นลูกหนี้ที่ถือว่าไม่ดี เป็นลูกหนี้ที่มีอย่างน้อยหนึ่งบัญชีค้างชำระเกิน 90 วัน นาย A. จะตกหน้าผาหนี้ที่ตนเองก่อด้วยเหตุนี้เอง
ประเด็นเทคนิคดังกล่าวไม่ยากที่จะทำความเข้าใจนะครับ แต่เป็นประเด็นละเอียดอ่อน ตอนนี้ทุกฝ่ายต่างต้องเร่งสำรวจ บัญชีสินเชื่อของลูกหนี้ตนที่มาอยู่ตรงอีก 1-2 วันก็จะตกหน้าผา ย้อนถอยไปว่ามีอีกกี่บัญชีสินเชื่อที่มีเวลามากกว่า 10 วัน 20 วัน 30 วัน 60 วันก่อนตกหน้าผา แล้วก็ต้องเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตามขีดความสามารถการจ่ายหนี้ได้จริงๆ ของลูกหนี้ เพื่อให้เป็นสะพานไม้ก้าวข้ามผ่านหน้าผานี้ไปต่อได้
ในส่วนของคนที่ตกหน้าผาคือกลายไปเป็นหนี้เสีย ตัวลูกหนี้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหาหรือ TDR (Trouble Debt Restructuring ) ความต่างจาก DR คือมันมีคำว่าปัญหามาต่อท้าย แสดงให้เห็นถึงความร้ายแรงครับ ลูกหนี้อาจเดินต่อไปเข้าคลินิกแก้หนี้ถ้าตนเองมีคุณสมบัติครบ ซึ่งผู้เขียนสนับสนุนให้เข้าโครงการ หรือถ้าลูกหนี้เพิกเฉย ไม่ยอมทำอะไรเลย เจ้าหนี้ก็คงใช้สิทธิเรียกร้องเอาหนี้คืนตามสัญญาและตามที่กฎหมายกำหนด สิ่งสำคัญในเวลานี้คือ บัญชีสินเชื่อและจำนวนลูกหนี้ที่อยู่แถวๆ หน้าผาหนี้ครัวเรือนมีจำนวนเท่าใด การปรับโครงสร้างหนี้จะทำได้มากและเร็วขนาดไหน ตัวลูกหนี้จะมีขีดความสามารถในการชำระหนี้ได้ขนาดไหน และการแพร่ระบาดจะรุนแรงซ้ำเติมอีกหรือไม่
จากวิกฤติทางสาธารณสุข สู่วิกฤติทางธุรกิจ ต่อไปยังวิกฤติทางเศรษฐกิจ มันจะวนมาที่วิกฤติสถานบันการเงิน วนๆกันไปจนกว่าจะพบคำตอบทางการแพทย์ ซึ่งก็ยังไม่ทราบวันเวลาที่แน่นอน
เดินทีละก้าว
ทานข้าวที่ละคำ
ย้ำเตือนตนเองเสมอและ
ให้ละเมอทุกครั้งว่า “สงครามยังไม่จบ”
ขอบคุณครับที่ให้ความสนใจติดตามอ่าน