
สติจงมา… ในบรรยากาศจิตตกกับตัวเลขพุ่ง
ไม่มีใครในบ้านเมืองเวลานี้สบายใจกับตัวเลขการรายงานของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่ออกมาเป็นหลักหมื่นสำหรับคนติดเชื้อ หลักร้อยสำหรับคนเสียชีวิต จะออกจากบ้านก็ให้จิตตก กลัวไปหมด นั่งทำงานก็เครียด ทุกสิ่งล้วนนำพาไปสู่ความเงียบเหงาเศร้าสร้อยว่า เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เราจะออกจากจุดนี้ได้อย่างไร เราจะทนกับสภาพนี้ได้อีกนานเท่าใด ที่ผ่านมามันยังไม่พออีกหรืออย่างไร
ในวันพระใหญ่ หลังฝนตกเล็กน้อย ผู้เขียนได้รับข้อมูลข่าวสาร อะไรที่ดราม่าก็ลบทิ้ง ภาพดอกไม้ สวัสดีตอนเช้าก็ลบทิ้ง แสดงความยินดีวันเกิดก็ลบทิ้ง คติธรรมะก็ลบทิ้ง ข่าวเรื่องวัคซีนก็ลบทิ้ง ข่าวการเมืองก็ลบทิ้ง เรื่องกินสมุนไพรก็ลบทิ้ง แต่มาสะดุดที่ตรงบทความนี้ที่มีคนส่งมาให้ ลองอ่านไปสองรอบก็ชอบใจ จึงขอนำส่งต่อให้ท่านผู้อ่าน และต้องขอขอบคุณท่านผู้เขียนเรื่องนี้ที่ไม่ได้ระบุชื่อ ข้อความเรื่องนี้คือ… ทฤษฎีแมลงสาบ (Cockroach Theory)..อ่านแล้วได้ข้อคิดดีครับ
A speech by Sundar Pichai, CEO Google –
an IIT-MIT Alumnus and Global Head Google Chrome
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ขณะที่ นั่งจิบกาแฟอย่างสงบ
อยู่ ๆ ก็มีแมลงสาบ
บินจากไหนไม่รู้
บินเข้ามาเกาะผู้หญิง
โต๊ะข้าง ๆ แบบไม่ทันตั้งตัว
ผู้หญิงคนนี้กรีดร้อง
กระโดดโลดเต้น
โหวกเหวก โวยวาย
สะบัดไม้ สะบัดมือ
หวังให้แมลงสาบ
บินออกไป
ในตอนนั้น
ท่าทางที่เธอแสดงออกมา
ทำให้เพื่อน ๆ ที่นั่งด้วยกัน รู้สึกตกใจและหัวเสีย
เป็นอย่างมาก
หลังจากเธอใช้ความพยายามสักครู่หนึ่ง
แมลงสาบก็บินออกไป
แต่เดี๋ยวนะ!!!
แมลงสาบมันไม่ได้
ไปไหนไกลเลย
มันแค่เปลี่ยนเป้าหมาย
ไปเกาะผู้หญิงข้าง ๆ แทน
ทันทีที่แมลงสาบ
เริ่มเกาะอีกคนนึง
เหตุการณ์ทุกอย่าง
เหมือนเดิมเป๊ะ
ผู้หญิงคนใหม่
ร้องโหวกเหวกโวยวาย
กระโดดโลดเต้น
พยายามทำทุกวิถีทาง
สลัดแมลงสาบ
ให้หลุดออกไป
เหมือนคนก่อน
เด็กเสิร์ฟเห็นเข้า ก็ตกใจ
รีบวิ่งตรงดิ่งมาที่โต๊ะลูกค้าทันที
เหมือนแมลงสาบจะรู้
ว่าเหยื่อรายใหม่กำลังมาแล้ว
มันเลยบินออกจากตัวผู้หญิงคนที่สอง
แล้วมาเกาะที่
เด็กเสิร์ฟคนนั้นแทน
เหตุการณ์ไม่คาดคิด
ก็เกิดขึ้น……
แทนที่เด็กเสิร์ฟ
จะสะบัดแมลงสาบตัวนั้น
ทิ้งในทันที
เขากลับยืนมองนิ่ง ๆ
เฉกเช่นเพื่อนที่คุ้นเคยกัน
สังเกตพฤติกรรม
การเคลื่อนไหวของแมลงสาบบนเสื้อเขา
เมื่อเด็กเสิร์ฟมั่นใจในทิศทางการเคลื่อนที่ของแมลงสาบแล้ว
เด็กเสิร์ฟ จึงค่อยเอามือคว้าแมลงสาบอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับนำออกไปโยนทิ้งนอกร้านในทันที
.
สิ่งที่ CEO Google คนนี้ตั้งคำถามคือ
แมลงสาบคือต้นเหตุของความโกลาหลครั้งนี้รึป่าว?
ถ้าใช่…แล้วทำไมเด็กเสิร์ฟคนนี้ถึงยืนนิ่ง ๆ
พร้อมกับรับมือกับเจ้าแมลงสาบตัวนี้ได้อย่างสบาย ๆ
ในขณะที่หญิงสาวสองคนนั้นถึงกระโดดโลดเต้น
วิ่งไปมา
เพื่อให้แมลงสาบ
บินออกไป
จริง ๆ แล้วปัญหา
มันอาจไม่ใช่อยู่ที่ “แมลงสาบ”
แต่มันอยู่ที่ความสามารถ
ในการรับมือกับปัญหา
ที่เข้ามารบกวนมากกว่า
Sundar Pichai
เลยเริ่มตระหนักว่า….
ที่ผ่านมา…
สิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้ตัวเขา
หัวเสีย
ไม่ว่าจะเสียงบ่น
จากเจ้านาย พ่อแม่ ลูกค้า หรือ คนใกล้ตัว
หรือความเครียดต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นกับเขา
จริง ๆ แล้วมันอาจจะไม่ใช่ปัญหาเลยก็เป็นได้
อารมณ์ หรือ ความรู้สึกต่างๆเหล่านั้นเกิดจากเราเอง
เรานี้แหละ ที่ไม่สามารถรับมือกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นได้
เพราะจริง ๆ แล้วเราคือคนที่เลือกเองว่าจะรู้สึกยังไงกับสิ่งรบกวนเหล่านั้น
มันไม่ใช่เพราะรถติด
แล้วทำให้เราหัวเสีย
แต่มันคือปฏิกิริยาของเราที่ใช้ในการรับมือกับปัญหาต่างหาก
บางทีถ้าไม่มีสติ
เราอาจหงุดหงิด อารมณ์ร้อนมากยิ่งขึ้น
พอรถยิ่งติด
เรายิ่งรีบ
สุดท้ายบานปลาย
นำไปสู่อุบัติเหตุรถชน
หรือในกรณีของแมลงสาบ ยิ่งพยายามปัดออกจากเสื้อ
สุดท้าย มันอาจบิน
มาเกาะหน้า หรือ
บินเข้าปาก
ยิ่งไปกว่านั้น
ถ้าคุณพยายามวิ่งหนี
คุณอาจสะดุดล้ม
เป็นแผลใหญ่โตก็ได้
ดังนั้น จงจำไว้ว่า…
ยิ่งวิธีการรับมือที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งทำให้ปัญหา
ยุ่งเหยิงใหญ่โต (ผู้เขียนชอบตรงนี้มาก ๆ บางคนมองไวรัสเป็นศัตรู ต้องทำลาย ต้องทำสงคราม มันก็จะส่งผลต่อการใช้อำนาจหน้าที่แบบหนึ่ง แต่ถ้ามองว่าจะอยู่กับมันอย่างไร มันก็จะใช้อำนาจหน้าที่แบบหนึ่ง มาวันนี้เราต้องการเอาชนะหรือเราต้องการใช้ชีวิตแบบต่างฝ่ายต่างไม่ชนะกัน)
สิ่งสำคัญคือ
ไม่ใช่แค่การ
#React หรือแค่ตอบสนองปัญหา
ด้วยสัญชาตญาณ
แต่มันต้องเป็นการ #Respond หรือรับมือ
ด้วยกระบวนการคิด
ที่ถูกต้อง
ผ่านการใช้สมองไตร่ตรอง
เพื่อควบคุมต้นตอของปัญหา ไม่ให้มันบานปลายเกินแก้ไข (ผู้เขียน ย้ำว่าใช้สมอง สมองคือสติ เหมือนที่ IOD พร่ำบอกว่า บอร์ดคือสมองคือสติ CEO คือหัวใจคือพละกำลัง ในการจะทำสิ่งใดให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ)
คนที่มีความสุข ไม่ใช่เพราะทุก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต
มีแต่เรื่องที่ถูกต้อง
ตามแผนที่วางไว้หรอกนะ
แต่ที่เขามีความสุข เพราะ
สติและทัศนคติที่ดี
ที่มีต่อปัญหาต่าง ๆ
ในชีวิตมากกว่า
คุณเลือกเอาเองละกัน
ว่าอยากรับมือกับปัญหา
แบบ React หรือ แบบ Respond
ท้ายที่สุดจากการฟังรายการคุยได้คุยดีในช่วง WFH มาเป็นเวลาปีกว่า ผู้เขียนชอบศีล 5 ของรายการนี้มากครับ ข้อห้ามยามนี้มี 5 เรื่องคือ
1.อย่าโลภ
2.อย่ามักง่าย
3.อย่าเอาแต่ได้
4.อย่าประมาท
5.อย่าโอหัง
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน และขอขอบคุณอีกครั้งกับท่านที่เขียนข้อความเรื่องนี้นะครับ