ต้องกล้าบอกความจริง
ผมขอนำเอาข้อสอบถามทางออนไลน์ ที่ถามมาเข้ามาและขอชี้แจงข้ อสงสัย ดังนี้ครับ
คำถาม : ดิฉันทำสัญญากู้เงินกั บธนาคารของรัฐแห่งหนึ่งมีโฉนดบ้ านพร้อมที่ดินค้ำประกันเงินกู้ โดยมีญาติเป็นผู้กู้หลัก ดิฉันป็นผู้กู้ร่วมต่อมาญาติท่ านนั้นมีปัญหาในการผ่อนชำระ ธนาคารฟ้องร้องและต้องขึ้นศาล ต่อมาคดีจบโดยญาติท่านนั้ นตกลงผ่อนชำระตามที่ธนาคารเสนอ และขณะนี้ผ่อนชำระเป็นปกติ มาประมาณ 1 ปี หรือ 12 งวดแล้ว ตัวของดิฉันมีเงินเดือนประจำ 40,000 บาท มีบัตรเครดิต และสินเชื่ออื่นๆ ที่เป็นของตัวเองไม่เกี่ยวกั บญาตินั้นมีการชำระตรงเวลาตลอด ปัญหาคือดิฉันยื่นขอสินเชื่ อจากสถาบันการเงินอีกแห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ เจ้าหน้าที่บอกว่าเนื่องจากดิฉั นมีปัญหาถูกฟ้องร้องเรื่องบ้ านและอยู่ ในกระบวนการทางกฎหมายอยากถามเคร ดิตบูโรว่าเมื่อถูกสถาบันการเงิ นปฏิเสธแบบนี้ ดิฉันควรจะทำอะไร และจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร
คำตอบ : เครดิตบูโร ชี้แจงว่า
1. กรณีที่ผู้กู้หลักและผู้กู้ร่ วมผิดนัดชำระ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องได้ จากผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วม ทั้งสองฝ่ายคนใดคนหนึ่ง หรือร่วมกันให้ชดใช้ ถึงแม้ว่าหลังโฉนดที่ดินที่ นำไปค้ำประกันเงินกู้จะไม่มีชื่ อของคนที่กู้ร่วม แต่เมื่อไปทำสัญญากู้โดยเป็นผู้ กู้ร่วมแล้วก็ต้องถือว่าเป็นลู กหนี้ของสถาบันการเงินด้วย ต้องร่วมทุกข์ ร่วมรับผิด ร่วมกันจ่ายหากผู้กู้หลักนั้นผิ ดนัดชำระหนี้ เพราะตอนไปกู้ร่วมนั้นสมัครใจ ไม่มีใครบังครับเมื่อมีการผิดนั ดชำระจนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้ นศาลแล้ว สถาบันการเงินเจ้าหนี้มีสิทธิฟ้ องลูกหนี้ทุกคนที่ทำสัญญาไว้กั บเขา อันนี้เป็นข้อเท็จจริง
2.ในส่วนของข้อมูลเครดิตหรื อรายงานเครดิตบูโรของลูกหนี้ที่ กู้ร่วมนั้นในหัวข้อบัญชีกู้บ้ านดังกล่าวตรงที่มุ มขวาบนของรายงานจะแสดงข้อความว่ าบัญชีนี้กู้ร่วม และในช่วงระยะเวลาที่ว่ากั นในศาลรายงานจะแสดงสถานะบัญชีว่ า “อยู่ระหว่างดำเนิ นการทางกฎหมาย” หลังจากเจรจาและมีคำพิ พากษาออกมาประกอบกับผู้กู้หลั กมีการผ่อนชำระค่างวดปกติในช่วง 12 เดือน ข้อมูลเครดิตในบัญชีนี้ จะแสดงสถานะว่า “บัญชีปกติ” เพราะไม่มีการค้างชำระทำได้ ตามที่ตกลงกัน มีการผ่อนครบผ่อนตรงมาตลอด อันนี้เป็นข้อเท็จจริงเช่นกัน
3. เครดิตบูโรแนะว่าให้ไปตรวจข้อมู ลเครดิตบูโรก่อนที่จะไปขอกู้ที่ ใหม่โดยให้ไปที่ศูนย์ตรวจเครดิ ตบูโรทั้ง 5 แห่ง หรือดูรายละเอียดทางช่องทางอื่ นๆ ได้ที่ www.ncb.co.th เมนูตรวจเครดิตบูโร จากนั้นให้ตรวจสอบความถูกต้องทุ กบัญชี ซึ่งพอไปดูบัญชีสินเชื่อบ้านนั้ นก็จะเห็นข้อมูลตามข้อ 2. แต่บัญชีอื่นๆ ไม่มีประวัติในอดีตระบุว่ามี การค้างชำระหนี้ อันนี้เป็นข้อแนะนำที่ต้องทำ ไม่ทำไม่ได้
4. ต่อไปคือการเตรียมตัว เตรียมคำตอบและเตรียมใจให้พร้ อมก่อนไปขอกู้กับธนาคารแห่งไหนๆ ที่ไม่ใช่ที่เดิมที่กู้ร่วมสิ นเชื่อบ้าน ต้องสำรวจตัวเองว่า มีรายได้เท่าไหร่ ภาระทางหนี้ต้องไม่เกิน 40% ของรายได้กรณีนี้มีรายได้ 40,000 บาท ก็ควรมีภาระหนี้เดิมที่ชำระอยู่ ไม่เกิน 16,000 บาท และควรแสดงเงินออม เงินฝากที่ตนเองมีอยู่ เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้ องและอธิบายให้ธนาคารที่ขอกู้ ทราบเรื่อง ปัญหาการค้างชำระและเรื่องที่ถู กฟ้องในอดีตว่าเกิดขึ้ นเพราะคนอื่น เกิดขึ้นเพราะอะไร ญาตินั้นคือใคร เพื่อให้ธนาคารเชื่อว่าตั วเราไม่มีปัญหา ดูได้จากรายงานเครดิตบูโรที่ เราไปตรวจสอบมาไปแสดงประกอบ ตรงนี้สำคัญมากต้องทำอย่างยิ่ งอย่าให้ธนาคารเข้าใจผิดๆ การอธิบายให้ธนาคารทราบเป็นสิ่ งที่ต้องทำอย่างยิ่ง เพราะธนาคารจะไม่รู้เลยว่าตัวผู้ กู้ร่วมที่มาขอกู้กับเขานั้นเป็ นคนก่อปัญหาหรือไม่ ใครเป็นคนก่อปัญหา
5. สุดท้ายครับการจบปัญหาของผู้กู้ หลักและจ่ายชำระได้มาเป็นปีเป็ นเรื่องดี เพราะจบกันได้สวย ไม่ลุกลาม แต่ส่วนของคนที่กู้ร่วมต้องอธิ บายกับธนาคาร ต้องไม่อาย ต้องไม่กลัวที่จะบอกความจริง เพราะเหตุว่าธนาคารไม่ทราบที่ มาที่ไปของปัญหา เขาดูตามเอกสารอย่าให้เขาเข้ าใจผิดๆ ไปเอง เราเป็นอย่างไรต้องให้ถูกต้อง ได้เงินกู้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กั บเกณฑ์กับความจริง การอธิบายให้ธนาคารรู้จักตั วตนของเราเป็นเรื่องที่ควรทำที่ สุดและต้องทำครับ
เครดิตบูโรเอาใจช่วยครับต้องกล้าบอกความจริง