Blog Page 162

คอลัมน์เศรษฐกิจคิดง่ายๆ ” เวลานี้เราล้วนมีความโง่เท่ากัน ” ข้อคิดนักบริหาร นสพ.โพสต์ทูเดย์ วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2561

คอลัมน์ เศรษฐกิจคิดง่ายๆ

เวลานี้เราล้วนมีความโง่เท่ากัน ข้อคิดนักบริหาร

นสพ.โพสต์ทูเดย์ วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2561

“เวลานี้เราล้วนมีความโง่เท่ากัน” ข้อคิดนักบริหาร ประโยคดังกล่าวผมได้รับ มาและถูกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันเหมาะสมจริงๆ กับยุคสมัยในเวลานี้ เหตุที่มาเกิดจากการประชุมกันระหว่างทีมงานข้อมูลของผู้เขียนกับทีมงานของผู้ลงทุนไทยและนักเทคนิคหนุ่มๆ ของจีนที่เข้ามาทำโครงการที่จะเปิดให้บริการทางการเงิน หรือ Financial Service กับผู้คน ผู้ประกอบการ SME ทั้งบุคคลและนิติบุคคล

สิ่งที่ผมได้เห็น คือ การพยายามผสมผสานในการทำงานเพื่อนำไปสู่เป้าหมาย ซึ่งผมได้ตั้งคำถามว่า…หากทีมงานท่านทำงานแบบ (1) พ่อค้าคือเอาเป้าหมายเป็นตัวตั้ง ขณะที่ตัดสินใจ แบบ (2) นายธนาคารรุ่นเก่าที่คิดแล้วคิดอีก ถามแล้วถามอีก ย้ำคิดย้ำทำ เอากฎหมายเป็นตัวตั้ง แบบว่า ทำมากผิดมาก ทำน้อยผิดน้อย ไม่ทำไม่ผิด และประการสุดท้าย Biz Model ของสิ่งที่จะทำมันจะเป็นแบบ (3) Tech Startup คือคนหนุ่มๆ จะทำงานแบบยืดหยุ่นสุดๆ แล้วล่ะก็ งานที่คิดไว้มันจะจบสวยหรือเละเทะกันแน่

ท่านที่เป็น ceo group company ที่นำทีมมาคุยกับผมบอกว่า…ทุกวันนี้กลุ่มธุรกิจเรามียอดรายได้เป็นแสนล้าน แต่คุณสุรพลครับ ตอนนี้ผมคิดว่า เราๆ คนที่นั่งหัวโต๊ะตัดสินใจคือตัวปัญหาของเรื่องแล้วล่ะ ไม่ใช่เราไม่ฉลาดนะ แต่โลกยุคใหม่ทุกคนในห้องประชุมโง่ เท่ากันแล้ว ไม่ดีไปกว่ากันเลย ติดอยู่ในกับดัก ไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร (Unknown the unknown) เพราะ

1.ทฤษฎีที่ร่ำเรียนมาต่างอธิบายอาการเศรษฐกิจ การค้า การแข่งขันได้น้อยลง เช่น ทำไมธนาคารกลางบอกว่าจะขึ้นดอกเบี้ย แต่ค่าเงินกลับอ่อนลง ทำไมตัวเลขเศรษฐกิจดีแต่การจ้างงานไม่เพิ่ม คนไม่รู้สึกว่ามันเงินสะพัด

2.อะไรคือพฤติกรรมที่แท้จริงของลูกค้า อะไรคือปัจจัยที่ทำให้คนต่างวัยทำสิ่งเดียวกัน หรือคนวัยเดียวกันต่างทำกันคนละแบบ คนละขั้ว

3.อิทธิพลของโลกเสมือนจริงได้เข้ามากดทับโลกในความเป็นจริงให้ไปในทิศทาง ไปกับกระแสของข่าวสาร เราต้องมีคนทำหน้าที่กรองให้ชัวร์ก่อนแชร์ มีศาลยูทูบ มีทนายเฟซบุ๊ก การแพร่กระจายข่าวสารอย่างรุนแรง ได้สร้างความคาดหวังต่อผู้คนในเรื่องต่างๆ ที่แปลกประหลาดคือ ในประเทศ ก. มีการออกมาสื่อ ล้อเลียนว่า คนทำยุทธศาสตร์ประเทศอายุเกิน 90 น่าจะไปเลี้ยงหลาน ไปวัด ควรปล่อยคนหนุ่มสาว เพราะคนแก่ๆ อีกไม่นานก็ไป ประสบการณ์ที่สั่งสมมาไม่เหมาะแล้วอีกต่อไป คนรุ่นถัดไปควรเข้ามาทำหน้าที่สิถึงจะมีเหตุผล

ขณะที่ประเทศ ข. นักการเมืองอายุ 92 ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ผู้คน สำนักข่าว ต่างยินดีว่า คนรุ่นนี้ อายุไม่ใช่ปัญหา แต่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่หลากหลาย และตอบโจทย์ประเทศ จึงจะเหมาะสมที่จะให้ท่านผู้อาวุโสนำพาประเทศ ข. ให้เดินหน้าต่อไป

กลับมาที่การประชุมที่ผมอ้างถึง ท่านซีอีโอท่านนั้นได้บอกต่อไปว่า คุณทราบหรือไม่ว่า…เราพบว่าคนที่คิดทางออกสวยๆ ได้ คือ ไอ้เด็กที่เรารับ เข้ามาทำงานยังไม่พ้นโปร พอดีมันกล้าพูดโดยที่เจ้านายมันห้ามไม่ทัน…แล้วท่านก็หัวเราะออกมา

มันจึงต้องกลับมาที่หน่วยเล็กที่สุดในระบบเศรษฐกิจซึ่งก็หมายถึงตัวผม ตัวท่าน ทุกๆ ท่าน ทุกๆ คน แล้วว่าจะดำเนินชีวิต ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างไร จึงจะเป็นคุณต่อสภาพที่อยู่รอบข้าง ผมมีข้อเสนอดังนี้ครับ

1.เปล่งเสียงปฏิเสธ ความล้าสมัย และอุปสรรคอันใหญ่หลวงของผู้คน ที่ต้องทนกับกฎและต้นทุนที่มาจากอะไรก็ไม่รู้ อธิบายไม่ได้ของกฎ ระเบียบ ที่ไม่ได้ทำให้สังคมมันดีขึ้น เรามีกฎหมาย ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์นานหลายปีก่อน แต่ก็ยังทำงานเหมือนเดิม บนกองกระดาษมหาศาล บอกออกไปครับในทุกอวัยวะเมื่อมีโอกาสว่า ทำไมต้องทำ ทำแล้วมันดีอย่างไร ถ้าทำแล้วประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ จะได้คุณประโยชน์อะไร เอาให้ชัด

2.กลับไปทำหน้าที่ของตนเอง และให้กลับไปคิดเอาเองว่าหน้าที่นั้นของเรามีอะไรบ้างที่ต้องทำ อะไรบ้างที่ใช่ และอะไรบ้างที่ไม่ใช่ ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง

3.เมื่อไม่รู้อะไร ให้เปล่งคำถาม ถามให้รู้แจ้ง เห็นจริง เป็นประจักษ์ เพื่อก่อเกิดความรู้จริง ตัวอย่างเช่น ผู้คนในแวดวงการเงินพูดเรื่อง Blockchain แต่พอให้อธิบายจริงในหนึ่งนาทีกลับตอบ ไม่ได้ ตอบไม่ได้จริงๆ เถไถก็ไม่ได้ ได้แต่ยิ้มแล้วก็พูดคำอื่น เช่น AI มาแทน พอถามอีกว่า AI คืออะไรก็ตอบไม่ได้เช่นเคย คำตอบส่วนใหญ่ คือ “ยิ้มแบบไทย”

4.กลับไปดูแลสุขภาพ อาหารการกิน เพราะอาหารนั้นคือยารักษาโรค ที่ดีที่สุด ตื่นเช้ากางขา แกว่งแขน เดินหรือวิ่งให้หัวใจได้ทำงาน ได้แข็งแรง เลิกหาเรื่องเอาชื่อหน่วยงาน สมาคม ไปขอเงินกุศลด้วยการจัดกอล์ฟ จัดสร้างพระ หรือเลิกได้หรือไม่กับการจัดหลักสูตรแปลกๆ เพื่อให้ผู้คนที่มีจิตใจไม่สะอาดได้ถือเอาเป็นที่สุมหัว ซ่องสุมความคิด ในการทำสิ่งที่ non goodgovernance

เราจะหลุดพ้นจากความโง่เขลา ที่เท่ากัน ในยุคสังคม เศรษฐกิจ การเงิน การเมือง ได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่รู้จะมาแบบไหน ด้วยเทคโนโลยี ที่ไม่เคยเห็น และด้วยสูตรคำตอบ อะไรที่ยังค้นไม่พบ ได้อย่างไร ในวันนี้ วันที่เราไม่มีจินตนาการวัยเด็กเหลือ อยู่เลย

ตรวจเครดิตบูโร ฟรี! งาน “เรียนรู้ สู้งาน” วันที่ 12 พฤษภาคม 2561 เวลา 9.00 – 16.00 น. สถานีโทรทัศน์ Thai PBS

เชิญตรวจเครดิตบูโร ฟรี! งาน “เรียนรู้ สู้งาน”

วันที่ 12 พฤษภาคม 2561 เวลา 9.00 – 16.00 น. สถานีโทรทัศน์ Thai PBS (ด้านหน้าอาคาร D)

ฟรี!!…บริการตรวจเครดิตบูโร แต่ขอรับเป็นเงินบริจาคแทน พร้อมเปิดคลินิกเครดิตบูโรให้คำปรึกษา

ตรวจเครดิตบูโร ฟรี! งาน “มหกรรมเข้าถึงแหล่งเงินทุน” จ.อุดรธานี วันที่ 9 พฤษภาคม 2561 เวลา 12.00 – 16.00 น. โรงแรมเจริญโฮเต็ล จ.อุดรธานี

เชิญตรวจเครดิตบูโร ฟรี!
งาน “มหกรรมเข้าถึงแหล่งเงินทุน” จ.อุดรธานี
วันที่ 9 พฤษภาคม 2561 เวลา 12.00 – 16.00 น. โรงแรมเจริญโฮเต็ล จ.อุดรธานี

ฟรี!!…บริการตรวจเครดิตบูโร แต่ขอรับเป็นเงินบริจาคแทน พร้อมเปิดคลินิกเครดิตบูโรให้คำปรึกษา

ควรทำอย่างไร เมื่อชำระหนี้ปิดบัญชีแล้ว

ควรทำอย่างไร เมื่อชำระหนี้ปิดบัญชีแล้ว

กรณีชำระหนี้ปิดบัญชีกับสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร

เมื่อท่านชำระหนี้ครบถ้วนและปิดบัญชีกับสถาบันการเงินเรียบร้อยแล้ว

ท่านไม่ต้องทำอะไร

เนื่องจากสถาบันการเงินมีหน้าที่ตามกฎหมายในการนำส่งข้อมูลมาที่เครดิตบูโรในเดือนถัดไป ว่าท่านชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว ภาระหนี้เท่ากับ 0 (ศูนย์) บาท สถานะบัญชีของท่านคือ “ปิดบัญชี” (11 : ปิดบัญชี)

 

สถานะ Blacklist ไม่มีจริงในเครดิตบูโร

Blacklist ความเข้าใจผิด…ที่ควรทราบ

หลายท่านคิดว่า สาเหตุที่สถาบันการเงินไม่ให้สินเชื่อ เพราะเครดิตบูโรขึ้นบัญชีดำ หรือที่เรียกกันทั่วๆ ไปว่า “ติด Blacklist”

ความจริง!เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง

เพราะเครดิตบูโร จะทำหน้าที่จัดเก็บรักษา รวบรวมและประมวลผลข้อมูลสินเชื่อของลูกค้าสถาบันการเงินตามที่สถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นสมาชิกจัดส่งให้เท่านั้น มิได้มีหน้าที่ “ขึ้นบัญชีดำ”หรือ“Blacklist” อย่างที่เข้าใจกัน

 

เมื่อท่านขอกู้เงินแล้ว สถาบันการเงินไม่อนุมัติเงินกู้ อาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น

– รายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่สถาบันการเงินกำหนด

– ข้อมูลที่ปรากฎในเครดิตบูโรไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของสถาบันการเงินที่ขอกู้

ซึ่งอาจเป็นผลมาจากท่านมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี หรือ ผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงินอื่น

เครดิตบูโรไม่มีความเกี่ยวข้อง หรือมีสิทธิอนุมัติหรือร่วมตัดสินใจให้สินเชื่อกับใคร บุคคลใดกล่าวอ้างกับท่าน…แจ้งเรื่องได้ที่ 0-2643-1250

ที่มา : ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย : สิงหาคม 2559

คอลัมน์เศรษฐกิจคิดง่ายๆ “เมื่อสถาบันการเงิน ภาครัฐ และหน่วยงานค้าบริการน้ำ-ไฟ ลุกมาทำเรื่อง Big data” วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม 2561

คอลัมน์ เศรษฐกิจคิดง่ายๆ

“เมื่อสถาบันการเงิน ภาครัฐ และหน่วยงานด้านบริการน้ำ-ไฟ ลุกมาทำเรื่อง Big data

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม 2561

 

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2561 ได้มีข่าวสารเผยแพร่การลงนาม MOU ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร เพื่อวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนนโยบายของรัฐในการส่งเสริม สนับสนุน และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SME ให้มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจและยกระดับให้สามารถแข่งขันไปสู่ตลาดระดับสากลได้ สาระสำคัญคือ

  • จะมีการจัดตั้งองค์กรมาดาเนินภารกิจรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องและเกี่ยวกับผู้ประกอบการ SME ในหลายด้าน

อาทิ ข้อมูลด้านการเงิน การใช้บริการสาธารณูปโภค ข้อมูลด้านแรงงาน ข้อมูลการนำเข้า-ส่งออก เป็นต้น
ทั้งนี้ โดยเน้นเปาหมายไปที่การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและฐานข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจากสถาบันการเงินของรัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงองค์กรพันธมิตรต่างๆ โดยมีเครดิตบูโรทำหน้าที่สนับสนุนและประสานงานกับหน่วยงานหรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ SME Financial Intelligence ในการให้คำปรึกษาด้านการบูรณาการระบบฐานข้อมูลเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงให้อยู่ในลักษณะ Big Data

  • ต่อยอดให้มีการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลเชิงสถิติให้อยู่ในลักษณะ Big Data without Identity

อันจะเป็นประโยชน์ในการศึกษา วิจัย และวิเคราะห์ข้อมูลในภาพรวม เพื่อการจัดทำนโยบายการส่งเสริม และการพัฒนาผู้ประกอบการ SME ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน แหล่งข้อมูลความรู้ และการสร้างระบบนิเวศในการเป็นแหล่งที่จะทำการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าในรูปแบบ Digital Platform

  • มุ่งเป้าไปที่การก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ SME ตลอดจนทำให้ภาครัฐสามารถดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจได้ตรงเปา ตรงประเด็น และตรงกับกลุ่มเปาหมาย (Evidence Base Policy)

ไม่ใช่การใช้ความเชื่ออีกต่อไป และท้ายสุดคือความร่วมกันดำเนินการอื่นใดตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เห็นสมควร

  • สิ่งที่เราคาดหวังจะได้เห็นในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า คือ สถาบันการเงินภาครัฐมีโปรแกรมเงินกู้ผ่านเครื่องมือ สื่อสาร (Digital Loan Service) ตอบโจทย์ความต้องการ รวดเร็วในการทราบผลว่าได้เงินกู้หรือไม่ได้ มีบริการให้ คำปรึกษาด้านความรู้และมี Platform ในการให้ SME ที่เป็นลูกค้าตนเองเข้ามาค้าขายบน Digital Platform นี้และมีการใช้ประโยชน์จากระบบการชำระเงินของชาติอย่างคึกคักนั่นเอง…ขอบคุณครับ

โปรโมชั่น เดือนพฤษภาคม 2561 ลดภาระค่าใช้จ่าย ต้อนรับเปิดเทอม ลด 50% ค่าตรวจเครดิตบูโร สำหรับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครอง วันที่ 7-11 พฤษภาาคม 2561 ณ ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร 5 แห่ง

โปรโมชั่น เดือนพฤษภาคม 2561 “เครดิตดี ต้อนรับเปิดเทอม”

ลดภาระค่าใช้จ่าย ต้อนรับเปิดเทอม

ลด 50% ค่าตรวจเครดิตบูโร สำหรับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครอง

วันที่ 7-11 พฤษภาาคม 2561 ณ ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร 5 แห่ง

1. เงื่อนไขการใช้บริการ 
ลด 50% ค่าตรวจเครดิตบูโร สำหรับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครอง วันที่ 7-11 พฤษภาาคม 2561 ณ ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร 5 แห่ง

2.ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรที่ร่วมรายการ และเวลาที่ให้บริการ
•ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ อาคาร 2 ชั้น 2 วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 น. – 16.30 น.
•สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง (ภายในสถานี) วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 น. – 18.00 น.
•ปากซอยสุขุมวิท 25 ชั้นใต้ดิน อาคารกลาสเฮ้าส์ วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 น. – 16.30 น.
•ห้างเจ-เวนิว (นวนคร) ชั้น 3 ติดประกันสังคม ทุกวันเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 9.00 น. – 18.00 น.
•ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ชั้น 3 วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 น. – 18.00 น.

3. เฉพาะรายการของลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ยื่นขอตรวจของตนเองที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรที่ร่วมรายการ

หมายเหตุ
– คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองโชว์รูปถ่ายหรือสำเนาบัตรนักเรียนนักศึกษาของลูกหลาน แก่เจ้าหน้าที่พร้อมบัตรประชาชนตัวจริงของตนเอง เพื่อใช้สิทธิส่วนลด 50% ค่าตรวจเครดิตบูโร
– โปรโมชั่น เฉพาะศูนย์ตรวจเครดิตบูโร 5 แห่ง
– เฉพาะรายการลูกค้าบุคคลธรรมดา ยื่นขอตรวจของตนเองเท่านั้น (ไม่รับกรณีมอบอำนาจ)

ข่าวประชาสัมพันธ์ : สคร. จับมือธนาคารรัฐ ร่วมกับ ไฟฟ้า-ประปา Big Data ยกระดับการให้บริการประชาชน

สคร. จับมือธนาคารรัฐ ร่วมกับ ไฟฟ้า-ประปา Big Data ยกระดับการให้บริการประชาชน

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการข้อมูลด้านการเงิน-สาธารณูปการ เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชนสู่การเป็น Big Data ในวันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2561 ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 4 กระทรวงการคลัง เพื่อผลักดันนโยบายของรัฐบาลในด้านการบูรณาการข้อมูลและการใช้ประโยชน์จากข้อมูล  ขนาดใหญ่ได้จริงและเป็นรูปธรรม รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชนให้มีความสะดวก รวดเร็ว โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามดังกล่าว

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขับเคลื่อนนโยบายด้านบูรณาการข้อมูลรัฐวิสาหกิจที่เป็นรูปธรรม โดยมีการนำข้อมูลมาบูรณาการร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ และมีการนำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาวิเคราะห์เพื่อประกอบการวางนโยบาย อีกทั้งมีเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อการพัฒนาสินค้าและบริการโดยยึดถือประโยชน์ประชาชนได้รับเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศเป็นอย่างยิ่ง

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่าการบูรณาการ    ข้อมูลด้านการเงิน-สาธารณูปการนี้ จะทำให้สถาบันการเงินของรัฐสามารถพิจารณาสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการขนาดกลาง  และขนาดย่อม (SMEs)ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นจากข้อมูลที่ได้จากสาธารณูปการ และขณะเดียวกันรัฐวิสาหกิจด้านไฟฟ้า-ประปา ก็จะสามารถพัฒนาบริการประชาชนให้ได้ดียิ่งขึ้นจากข้อมูลของผลประกอบการของ SMEs

นอกจากนี้ สคร. ได้ร่วมกับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด วางแผนการดำเนินโครงการ SMEs Financial Intelligence เพื่อนำข้อมูลจากการบูรณาการมาวิเคราะห์ออกแบบนโยบายเพื่อตอบโจทย์การช่วยเหลือ SMEs ให้ตรงจุด เช่น การกำหนดอุตสาหกรรม SMEs เป้าหมายที่ต้องสนับสนุนได้อย่างชัดเจน และสามารถนำฐานข้อมูล Big Data มาต่อยอดเป็นการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เหมาะสมให้กับ SMEs โดยให้บริการผ่านทาง Digital Platform ซึ่งจะทำให้ (1)ประชาชนสามารถ ทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น ขอสินเชื่อผ่อนชำระหรือปรับโครงสร้างหนี้ (Refinance) ได้ผ่านทางมือถือ (2) สร้างเครือข่าย SMEs    ให้ต่อยอดธุรกิจ (3) มีระบบ E-Commerce ในการซื้อ-ขายสินค้า SMEs ได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น (4)ภาครัฐสามารถจัดหลักสูตรอบรมที่สอดคล้องเหมาะสมกับความต้องการของ SMEs นอกจากนั้นข้อมูลที่ได้จาก Digital Platform   นี้จะยังนำไปพัฒนาบริการทางการเงินให้ SMEs โดยไม่ต้องพึ่งพิงหลักประกันเพียงอย่างเดียว แต่จะใช้ข้อมูลอื่นๆ เช่น พฤติกรรมของ SMEs มาเป็นข้อมูลในการให้สินเชื่อ (Information-based lending)

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการข้อมูลด้านการเงิน–สาธารณูปการ ในวันนี้นับเป็นพลังแห่ง   ความร่วมมือตามแนวทางประชารัฐโดย สคร. และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจกลุ่มสถาบันการเงินของรัฐจำนวน 9 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม และรัฐวิสาหกิจกลุ่มสาธารณูปการจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของประเทศเพื่อให้ประเทศพัฒนาได้อย่างมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนอย่างแท้จริง

คอลัมน์ เศรษฐกิจคิดง่ายๆ “เรียนรู้จากคำฮิต SME Start up Digital Fintech Big data…” วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561

คอลัมน์ เศรษฐกิจคิดง่ายๆ

เรียนรู้จากคำฮิต SME Start up Digital Fintech Big data…

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561

บทความวันนี้อยากจะขอเกริ่นนำด้วยการย้อนแย้งไปยังช่วงเวลาไม่ช้าไม่นาน ผ่านคำฮิตติดดาว ไม่ว่าจะเป็น SME, Start up, Digital, Model, Fintech, Big data, AI, Robotic, E-commerce และ ออเจ้า เดี๋ยวก็มาถึงคำว่า Platform ที่ปรากฏตามข่าวสารของสื่อต่างๆ ในเรื่องเศรษฐกิจที่มีการสื่อสารกันออกมาอย่างต่อเนื่อง มากน้อยตามสาระของประเด็นข่าวนั้นๆ

แต่ในมุมของชาวบ้านที่เดินตามถนนหนทาง หรือที่พอจะมีฐานความรู้ ฐานคิด ก็จะมีความเข้าใจกันประมาณนี้ เอาแบบบ้านๆ นะครับ ตัวอย่าง

SME หมายถึง คนที่ทำการค้าขาย ตอนนี้ขายไม่ดี ปรับตัวให้เก่งไม่ทัน (คนที่บอกประเด็นนี้ไม่เคยบอกวิธีแก้) จะไปหากู้เงินก็ยากถึงยากมาก แต่ก็ยังเรียกร้องเสมอว่าขอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เงื่อนไขผ่อนปรน มีอยู่ประมาณ 3 ล้านราย แต่พอถามไปลึกๆ ว่าเป็นใคร อยู่ไหน หน้าตาเป็นอย่างไร ใครมีปัญหาอะไร แบบลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยกลับพบว่าไม่มีข้อมูลชัดๆ จะจะ หรือชัดเจนสิ้นสงสัย (เอาแบบมีเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือเลขทะเบียนการค้านะครับ) สุดท้ายคือกลุ่มนี้มักถูกกล่าวถึง กล่าวหาว่ามีบัญชีหลายเล่ม และไม่เสียภาษีให้ถูกต้อง ในประเด็นว่ามีศีลห้าครบหรือไม่ ไม่มีข้อมูลครับ

Start up  หมายถึง SME ลักษณะหนึ่ง มีอายุตัว อายุกิจการสั้น อยากจะค้าขาย อยากจะร่ำรวย อยากจะโดดเด่น ด้วยแนวคิดที่ตนเองคิดไม่เหมือนใคร (แต่ก็ไปลอกแนวคิดชาวบ้านเขามาบางส่วน หรือไปเอามาจากต่างบ้านต่างเมือง น้อยมากๆ ที่คิดต่าง คิดได้ใหม่แบบ Wow) แต่ขณะเดียวกันก็อยากมีชีวิตที่ดี แบบไปเที่ยว ไม่ต้องทำงาน หอมกรุ่นกับรสกาแฟทุกๆ เช้า โยคะทุกบ่าย และแฮงเอาต์ทุกศุกร์ คำถามคือเหงื่อไม่ออก มือไม่เปื้อน น้ำตาไม่ไหล เงินหรือรายได้จะมาได้อย่างไร จะอยู่กันแบบขายครีม ขายสาหร่าย ขายถั่งเช่า ขายกาแฟ ขายเบเกอรี่ ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเท่านั้นหรือ ยังหาคำตอบไม่ได้ในเวลานี้

Fintech  หมายถึง ตัวผู้ให้บริการทางการเงินคนใหม่ๆ ที่แปลกแยกไปจากผู้คน สถาบันการเงินในอดีตและปัจจุบัน เขาเหล่านั้นมองว่า สิ่งที่ให้บริการทางการเงินในวันนี้มันไม่สะดวก มีต้นทุนที่แพง คิดค่าธรรมเนียมสูง ใช้เวลาพิจารณานาน บริการทางการเงินมันต้องชิลๆ มากกว่านี้ โอนเงินไปมาต้องง่ายเหมือนส่งสติ๊กเกอร์ กู้เงินต้องง่ายเหมือนไปดูหนัง อะไรประมาณนี้ เมื่อสถาบันการเงินปัจจุบันไม่คิดจะทำ เขาจึงจะลุกขึ้นมาทำแข่ง และประกาศด้วยว่าจะเข้ามาแย่ง เบียด อัด กระแทก สถาบันการเงินในปัจจุบัน โดยมักจะคิดว่ามีหมัดแย็บที่คม มีการเคลื่อนไหวพลิ้วดั่งผีเสื้อ แบบโมฮัมหมัด อาลี หากแต่ในความเป็นจริง “เวลาเล่นจะเป็นหมู แต่เวลาดูจะเป็นเซียน” พอขึ้นสังเวียนการแข่งขันเจอวิชาเทพ วิชามาร ก็ไปไม่เป็น ตัวอย่างเช่น กฎหมายฟินเทคที่จะมารองรับ หรือนโยบายที่ออกมา ว่าจะส่งเสริมให้ Start up ที่เป็น Fintech ออกมาให้บริการทางการเงิน เช่น P2P loan  ที่พูดเมื่อปลายปี 2559 วันนี้ต้นปี 2561 จะเข้าไตรมาส 2 เกิดขึ้นแล้วหรือยัง มีอนุมัติกี่รายครับ ถ้ามีแจ้งออกมาด้วย

Platform  หมายถึง …ผมยังไม่มีข้อมูลมาเขียนกระทบกระเทียบเปรียบเปรยครับ…แต่มีข้อมูลที่เป็นข่าวว่ามีเอกชนไทยวัยหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ไทยไปลงนามความร่วมมือกับทางการมาเลเซียหลายโครงการ เพื่อผลักดันการค้าออนไลน์ระหว่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ตัวอย่างเช่น

(1) โครงการความร่วมมือ Website การค้าออนไลน์ของไทยกับผู้ให้บริการการค้าออนไลน์ของมาเลเซียเพื่อเชื่อมต่อการค้าออนไลน์ระหว่างกันโดยสามารถนำสินค้าจากไทยไปขายยังมาเลเซียและมาเลเซียมายังประเทศไทย

(2) โครงการร่วมลงทุนของผู้ให้บริการขนส่งทางออนไลน์ และการจัดเก็บสินค้าและจัดส่งสินค้า (Fulfilment) ในมาเลเซียกับของประเทศไทย

“เราได้เปิดให้มีการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งหลักภายในประเทศมาเลเซียได้หมดแล้ว และมีผู้ใช้เติบโตขึ้น ต่อเนื่องอย่างรวดเร็วทุกๆ เดือน โดยตอนนี้เป็นการให้บริการกับบริษัทในประเทศมาเลเซียเป็นหลัก และอนาคตจะเชื่อมต่อกับระบบขนส่งของประเทศไทยเข้าด้วยกัน โดยการทำงานทางทีมประเทศไทยจะเป็นทีมพัฒนาเทคโนโลยีหลักให้มาเลเซีย การร่วมมือครั้งนี้จะทำให้คนค้าขายทั้งสองประเทศสามารถขยายช่องทางการค้าระหว่างกันผ่านทางออนไลน์ได้สะดวกและง่ายมากขึ้น โดยเป็นการผลักดันของภาคธุรกิจเอกชน นอกเหนือจากการร่วมมือของจีนที่พยายามจะบุกเข้ามาในอาเซียนมากขึ้น”

หรือนี่คือความหมายในความ เป็นจริงของคำว่า Platform ที่ลงมือทำกันจริงๆ

เรื่องน่าอ่าน