Blog Page 172

คอลัมน์เศรษฐกิจคิดง่ายๆ : มาปิดทองหลังพระ เพื่อให้ไทยรุ่งเรือง  : วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม 2560

คอลัมน์เศรษฐกิจคิดง่ายๆ :

มาปิดทองหลังพระ เพื่อให้ไทยรุ่งเรือง 

วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม 2560

 

วันที่ 13 ต.ค. 2560 เวลา 11.21 น. มีข้อความส่งมาในไลน์ผมให้ได้คิด และเกิดความรู้สึกว่าต้องการเขียนบทความมายังท่านผู้อ่าน เพราะวันที่ 25 ก.ค. 2506 คือ วันที่ก่อนวันเกิดของผู้เขียนหนึ่งวัน คือ ข้อความที่ว่า

“การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้าไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25 ก.ค. 2506

ผู้เขียนขอน้อมนำเอาพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงชี้แนะให้เห็นว่า ในการทำงาน การดำเนินนโยบาย มาตรการ เพื่อประโยชน์สุขให้เกิดแก่ผู้คนนั้น ต้องมีคนที่ทำงานอยู่เบื้องหน้า และทำงานอยู่เบื้องหลัง

ท่านผู้อ่านครับ ท่านลองมองภาพพระเมรุมาศ พระมหาพิชัยราชรถ ท่านลองมองถึงเจ้าหน้าที่ ทหารช่าง วิศวกร ช่างเทคนิค ช่างศิลป์ที่มาทำงาน และเรายังมีอาสาสมัครที่คอยอำนวยสะดวกผู้คนนับสิบล้านในการเข้ามากราบพระบรมศพ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทสิครับ ผู้คนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังนับร้อยนับพันเหล่านั้น ท่าน คือ คนที่ปิดทองหลังพระโดยแท้ ทุกครั้งที่ผมได้มอง สบตา หรือพูดคุยกับท่านเหล่านั้น จะได้รับคำตอบว่า เป็นหน้าที่ที่ตั้งใจทำให้ดีที่สุดในชาตินี้ภพนี้ ไม่ว่าจะหนักแค่ไหนก็จะทำ

ประเทศไทยจะเดินหน้าไปได้ดีกว่านี้ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การบริหารบ้านเมือง ถ้าเราเลิกให้ความสนใจชาติพันธุ์ นักการเมือง นักเลือกตั้ง พวกที่ออกมาแสดงวาจา โวหาร หรือสื่อสารออกมาไม่ว่าในช่องทางใด โดยไม่รู้กาลเทศะเวลานี้เลยว่ามันเหมาะมันควรไหม มาร่วมกันก้าวข้ามพวกเขาและมุ่งพัฒนาตัวเรา กิจการของเรา ลูกน้อง ลูกทีมของเราจะดีกว่าหรือไม่ ตัวเราๆ ท่านๆ ต้องทำงาน ทำภารกิจตามหน้าที่ และตัวเราก็ต้องรู้สิว่าหน้าที่ของตัวเรานั้นมีอะไรบ้าง ท่านลองนำไปคิดดูครับ

คอลัมน์ : เศรษฐกิจคิดง่ายๆ : เครดิตบูโรไม่เกี่ยวกับข้อมูลลงทะเบียน ผู้มีรายได้น้อย : นสพ.โพสต์ทูเดย์ : วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2560

เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการปล่อยข่าวสารอันเป็นเท็จในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะในห้องสนทนา กลุ่มไลน์ ความว่ามีการส่งข้อมูลรายชื่อผู้ลงทะเบียนขอรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้ามาที่เครดิตบูโร และจะมีผลให้ผู้ลงทะเบียนกู้เงินไม่ได้ ผ่อนของไม่ได้ ต้นตอของข่าว

ทางเครดิตบูโรไม่ทราบอย่างแน่ชัด เพราะสิ่งที่สื่อกันนั้นมีลักษณะขยายความต่อเนื่องกันเป็นทอดๆ ผ่านการเสนอความเห็น (Comment) โดยเริ่มจากระบุว่าผู้ลงทะเบียนถูกหลอกจากภาครัฐ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย จากนั้นก็มีคนมาให้ความเห็นต่อว่าคนที่ไปลงทะเบียนมีรายได้น้อยไม่ถึงแสนบาทต่อปี แล้วรีบสรุปว่าไม่มีเครดิต เงินกู้เดิมจะถูกเรียกคืน เป็นต้น ต้องยอมรับว่าผู้กระทำการดังกล่าวหวังผลการแพร่กระจายความเท็จ มีลักษณะ ตระเตรียมการมาพอควร ยากที่จะเอาผิดได้อย่างชัดเจน แต่หวังผลการแพร่กระจายความเท็จมากกว่า ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายเลย โดยเฉพาะความเข้าใจของผู้ลงทะเบียน

ในกรณีที่เกิดขึ้นนี้สิ่งที่เครดิตบูโรทำคือรีบอธิบายความจริงที่ถูกต้องผ่านสื่อสังคมออนไลน์ สื่อผ่านห้องสนทนา ผ่านเครือข่ายสื่อที่มีคุณธรรม มีความรับผิดชอบซึ่งเสนอแต่ความจริง โดยระบุว่า

1.ในทางกฎหมายที่กำกับดูแลการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตนั้น เครดิตบูโรไม่สามารถจะไปรับข้อมูล หรือประมวลผลข้อมูล หรือ เปิดเผยข้อมูลผู้ลงทะเบียนรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดังกล่าวได้ เนื่องจากข้อมูลนี้ไม่ใช่ข้อมูลเครดิต และไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดรองรับ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอันมีโทษในทางอาญา เครดิตบูโรขอยืนยันว่า เครดิตบูโร อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตและธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งการดำเนินการใดๆ ในเรื่องข้อมูลเครดิตต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น

2.การใช้ข้อมูลเครดิตในปัจจุบันของสมาชิกเครดิตบูโรเป็นข้อมูลคนละชุดกับข้อมูลผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ถูกข่าวลือกล่าวอ้าง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น ข้อมูลที่เครดิตบูโรได้รับเข้าฐานข้อมูลจะต้องมาจากการนำส่งของสมาชิกสถาบันการเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน 96 แห่งเท่านั้น และอยู่ภายใต้มาตรฐานการดูแลความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศในระดับสากล

เครดิตบูโรมีข้อสังเกตว่า รัฐบาลทำโครงการนี้อย่างเปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบหลายขั้นตอน จนได้กลุ่มเป้าหมายในการช่วยเหลือ และเงินงบประมาณถูกส่งผ่านตรงอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่หายหกตกหล่นระหว่างทาง ไม่มีการสวมชื่อคนตาย คนมีฐานะ จนเกิดความพึงพอใจ ใช้ได้จริง เหตุใดจึงมีคนใจอคติ คิดร้ายต่อเศรษฐกิจ ออกมาเล่าความเท็จ ให้ความเท็จ ก็คงเพราะทำใจไม่ได้หรืออย่างไรที่เห็นคนทำดี ทดแทนคุณแผ่นดิน และช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอในสังคม เราทุกคนควรประณามการกระทำที่บ่อนทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

เครดิตบูโรจึงขอปฏิเสธและยืนยันอย่างชัดเจนว่า เครดิตบูโรไม่มีส่วน และไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับฐานข้อมูลผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดังกล่าวได้แม้แต่รายการเดียว เพราะมันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผู้ที่ปล่อยข่าวที่ไม่เป็นความจริงนี้ต้องถือว่าเป็นอาชญากรทางเศรษฐกิจ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่ลงทะเบียนได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วยการทำให้เกิดความเข้าใจผิด”

ผู้เขียนอยากตั้งคำถามถึงท่านที่ทำเรื่องเหล่านี้ว่า “ใจของท่านทำด้วยอะไร ที่ไปทำร้ายคนไทยที่ไปลงทะเบียนรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไปทำให้ท่านเหล่านั้นทุกข์จากความเท็จทำไม” แผ่นดินนี้ศักด์สิทธิ์นะครับ ใครทำกรรมไว้เช่นใดก็จะได้รับผลเช่นนั้น…ผมเชื่อในกฎธรรมชาตินี้เสมอ

บสย. ลงนามสมาชิกใหม่ เครดิตบูโร สู่ยุค Big Data เพิ่มเครื่องมือ ประเมินคุณภาพช่วย SMEs เข้าถึงแหล่งทุน

บสย. ลงนามสมาชิกใหม่ เครดิตบูโร สู่ยุค Big Data เพิ่มเครื่องมือ ประเมินคุณภาพช่วย SMEs เข้าถึงแหล่งทุน

9 ตุลาคม 2560 :  บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ลงนามการเป็นสมาชิก บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) สอดรับแผนรัฐบาล ก้าวสู่ Big Data บูรณาการข้อมูล ประเมินคุณภาพลูกค้า สร้างวินัยทางการเงิน  เพิ่มช่องทางช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ  มั่นใจส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว

นายนิธิศ มนุญพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า “ได้ร่วมลงนามการเป็นสมาชิก บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด  เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพ ด้านการบริหารจัดการและการวิเคราะห์ข้อมูลการค้ำประกันสินเชื่อ  และช่วยผู้ประกอบการ SMEs ที่ใช้บริการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น  สร้างวินัยทางการเงิน  ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว  และเป็นการยกระดับฐานข้อมูลผู้ประกอบการ SMEs ที่มีคุณภาพมากขึ้น ก้าวสู่ยุค Big Data ตามแนวทางของรัฐบาลอย่างแท้จริง โดยในเบื้องต้น บสย.จะส่งฐานลูกค้า SMEs ที่ค้ำประกันกับ บสย. ประมาณ 200,000 รายเข้าสู่ฐานข้อมูลของเครดิตบูโร”

“การเข้าเป็นสมาชิกเครดิตบูโร ของ บสย. ครั้งนี้จะเป็นการยกระดับและก้าวสู่มาตรฐานใหม่ของการจัดเก็บข้อมูล SMEs ของ บสย. ซึ่งผู้ประกอบการ SMEs จะได้รับประโยชน์สูงสุดด้านการเข้าถึงสินเชื่อ”  นายนิธิศ กล่าว

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า “เครดิตบูโรต้องขอขอบคุณบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. ที่ได้ลงนามเข้าเป็นสมาชิกเครดิตบูโร ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจรายล่าสุดในวันนี้  ด้วยประสบการณ์ ความรู้ ทักษะ ประกอบกับการมีข้อมูลเครดิตของ SME ที่เป็นลูกค้าของ บสย. จะเป็นการยกระดับการบริหารความเสี่ยงของ บสย. ให้มีความมั่นคงและเป็นมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น การช่วยเหลือ SME ผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น  รวมทั้งเป็นการช่วยพัฒนา SME ไทยให้เข้มแข็งบรรลุเป้าหมายตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย”

(ในภาพ) นายนิธิศ มนุญพร (ซ้าย) กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม และนาย สุรพล โอภาสเสถียร (ขวา) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ร่วมใน “พิธีลงนาม บสย. สมาชิกใหม่เครดิตบูโร” ณ ห้องแกรนด์บอลรูม 2 โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท เมื่อเร็วๆ นี้

เครดิตบูโรแจงข้อเท็จจริงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

เครดิตบูโรแจงข้อเท็จจริงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

5 ตุลาคม 2560 : นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์จนก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่าจะมีการส่งข้อมูลผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนกว่า 11 ล้านรายให้กับเครดิตบูโร จนเป็นผลทำให้ไม่ได้รับการพิจารณาสินเชื่อนั้นไม่เป็นความจริงและขอประณามการกระทำที่บ่อนทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้

  1. ในทางกฎหมายที่กำกับดูแลการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตนั้น เครดิตบูโรไม่สามารถจะไปรับข้อมูล หรือ ประมวลผลข้อมูล หรือ เปิดเผยข้อมูลผู้ลงทะเบียนรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดังกล่าวได้ เนื่องจากข้อมูลนี้ไม่ใช่ข้อมูลเครดิต และไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดรองรับ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอันมีโทษในทางอาญา เครดิตบูโรขอยืนยันว่า เครดิตบูโร อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตและธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งการดำเนินการใดๆ ในเรื่องข้อมูลเครดิตต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
  2. การใช้ข้อมูลเครดิตในปัจจุบันของสมาชิกเครดิตบูโรเป็นข้อมูลคนละชุดกับข้อมูลผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ถูกข่าวลือกล่าวอ้าง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น ข้อมูลที่เครดิตบูโรได้รับเข้าฐานข้อมูลจะต้องมาจากการนำส่งของสมาชิกสถาบันการเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน 96 แห่งเท่านั้น และอยู่ภายใต้มาตรฐานการดูแลความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศในระดับสากล

“เครดิตบูโรจึงขอปฏิเสธและยืนยันอย่างชัดเจนว่า เครดิตบูโรไม่มีส่วน และไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับฐานข้อมูลผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดังกล่าวได้แม้แต่รายการเดียว เพราะมันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผู้ที่ปล่อยข่าวที่ไม่เป็นความจริงนี้ต้องถือว่าเป็นอาชญากรทางเศรษฐกิจ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่ลงทะเบียนได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วยการทำให้เกิดความเข้าใจผิด” นายสุรพล กล่าวปิดท้าย

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเครดิตบูโร สามารถสอบถามหรือขอรับคำปรึกษาได้ที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ให้บริการปรึกษาเกี่ยวกับข้อมูลประวัติสินเชื่อผ่าน Call Center 0-2643-1250 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.30 น. หรือ อีเมล consumer@ncb.co.th หรือดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.ncb.co.th

 

“เครดิตบูโร คาเฟ่” ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรใหม่ล่าสุด…พร้อมให้บริการแล้ว วันนี้… อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ชั้น 3 (โซนธนาคาร) 

ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรใหม่ล่าสุด…พร้อมให้บริการแล้ว วันนี้…

“เครดิตบูโร คาเฟ่”

อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ชั้น 3 (โซนธนาคาร) (BTS อารีย์ ทางออก 1 ประมาณ 200 เมตร)

บรรยากาศสบายๆ สไตล์คาเฟ่

ให้บริการวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 – 18.00 น.

  • รอรับได้เลย ภายใน 15 นาที
  • ค่าบริการ 100 บาท
  • ใช้บัตรประชาชนของตนเอง
  • เฉพาะรายการลูกค้าบุคคลธรรมดา ยื่นตรวจของของตนเอง และมอบอำนาจ
  • รายงานเครดิตบูโรเป็น “ความลับ”

เชิญตรวจเครดิตบูโร ฟรี! วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม 2560 งาน “โครงการสร้างเสริมศักยภาพแม่พิมพ์ของชาติ ” เวลา 8.00 – 12.00 น. ห้อง B 704 ตลาดหลักทรัพย์ ถ.รัชดาฯ

เชิญตรวจเครดิตบูโร ฟรี! งาน “โครงการสร้างเสริมศักยภาพแม่พิมพ์ของชาติ ”
วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม 2560 เวลา 8.00 – 12.00 น.ณ ห้อง B 704 ตลาดหลักทรัพย์ ถ.รัชดาฯ
(ฟรี!!…บริการตรวจเครดิตบูโร แต่ขอรับเป็นเงินบริจาคแทน พร้อมเปิดคลินิกเครดิตบูโรให้คำปรึกษา)

** เฉพาะรายการลูกค้าบุคคลธรรมดา ยื่นขอตรวจของตนเองเท่านั้น (ไม่รับกรณีรับมอบอำนาจ)

เชิญตรวจเครดิตบูโร ฟรี! วันที่ 4 ตุลาคม 2560 เวลา 13.00 – 16.00 น. งาน สัมมนา “บ้าน คอนโด ส่งต่อไม่ไหว อย่าปล่อยให้ถูกยึด”

เชิญตรวจเครดิตบูโร ฟรี! งาน สัมมนา “บ้าน คอนโด ส่งต่อไม่ไหว อย่าปล่อยให้ถูกยึด”
วันพุธที่ 4 ตุลาคม 2560 เวลา 13.00 – 16.00 น. ณ M Academy ชั้น 6 Big C ราชดำริ
(ฟรี!!…บริการตรวจเครดิตบูโร แต่ขอรับเป็นเงินบริจาคแทน พร้อมเปิดคลินิกเครดิตบูโรให้คำปรึกษา) ** เฉพาะรายการลูกค้าบุคคลธรรมดา ยื่นขอตรวจของตนเองเท่านั้น (ไม่รับกรณีรับมอบอำนาจ

โปรโมชั่น เดือนกันยายน 2560 “Surprising September” :  ฟรี! ค่าบริการตรวจเครดิตบูโร สำหรับท่านที่มาตรวจด้วยตนเอง และคำขอตรวจสอบข้อมูลที่ลงท้ายเลข 9 : วันที่ 29 กันยายน 2560 ณ ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร 4 แห่ง

โปรโมชั่น เดือนกันยายน 2560 “Surprising September” :

ฟรี! ค่าบริการตรวจเครดิตบูโร สำหรับท่านที่มาตรวจด้วยตนเอง และคำขอตรวจสอบข้อมูลที่ลงท้ายเลข 9 วันที่ 29 กันยายน 2560 ณ ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร 4 แห่ง

ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรที่ร่วมรายการ และเวลาที่ให้บริการ วันที่ 29 กันยายน 2560

•ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่  อาคาร 2 ชั้น 2 วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 น. – 16.30 น.             •ปากซอยสุขุมวิท 25  ชั้นใต้ดิน  อาคารกลาสเฮ้าส์  วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 น. – 16.30 น.

•สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง (ภายในสถานี) วันจันทร์ – อาทิตย์ เวลา 9.00 น. – 18.00 น.

•ห้างเจ-เวนิว (นวนคร) ชั้น  4  ติดประกันสังคม วันจันทร์ – อาทิตย์  เวลา 9.00 น. – 18.00 น.

– ใช้บัตรประชาชนของตนเอง ค่าบริการ 100 บาท รับผลได้ภายใน 15 นาที – เฉพาะรายการลูกค้าบุคคลธรรมดา ยื่นขอตรวจของตนเองเท่านั้น (ไม่รับกรณีรับมอบอำนาจ)

คอลัมน์เศรษฐกิจคิดง่ายๆ : การทำอย่างนี้ไม่มีธรรมาภิบาล การทำเช่นนี้ไม่ควรอยู่ในแวดวงการเงินต่อไป : วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2560

คอลัมน์เศรษฐกิจคิดง่ายๆ

การทำอย่างนี้ไม่มีธรรมาภิบาล การทำเช่นนี้ไม่ควรอยู่ในแวดวงการเงินต่อไป

นสพ.โพสต์ทูเดย์ : วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2560

สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร
บทความของผมวันนี้ขอเริ่มจากข่าวสารที่เปิดเผยออกมาตามสื่อต่างๆ เนื่องจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เปิดเผยว่า ท่านได้รับรายงานว่าขณะนี้มีสถาบันการเงินบางแห่งใช้ช่องว่างของกฎหมายทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ไม่ถูกหลักธรรมาภิบาล โดยมีการตรวจพบเมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กรณีเงินฝากที่ได้ดอกเบี้ยไม่เกิน 2 หมื่นบาท ไม่ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% ซึ่งทางการมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการออมของรายย่อย
แต่มีบางธนาคารไปแนะนำลูกค้าที่เป็นผู้ฝากเงินรายใหญ่ คิดดอกเบี้ยเป็นรายวันให้ และเมื่อดอกเบี้ยใกล้ 2 หมื่นบาทแล้ว ก็ให้ปิดบัญชีเพื่อไม่ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย และก็ให้เปิดบัญชีเงินฝากใหม่ การทำแบบนี้ผู้เขียนคิดว่า เป็นเรื่องของผู้ประกอบวิชาชีพที่ต้องได้รับความน่าเชื่อถือจากสาธารณะได้อาศัยความรู้มาหาช่องว่างของกฎหมายแล้วไปคิดทำธุรกรรมเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคนรวย โดยการปิดบัญชีเมื่อดอกเบี้ยใกล้ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี แล้วค่อยเปิดบัญชีใหม่ ซึ่งจะเวียนในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ
ตามข่าวระบุว่า ท่านรัฐมนตรีฯ ถึงกับเอ่ยว่า “การทำเช่นนี้เป็นการหลบเลี่ยงภาษี เพราะธนาคารก็รู้เจตนารมณ์ของกฎหมายว่าออกมาเพื่ออะไร ทำอย่างนี้ไม่มีธรรมาภิบาล การทำเช่นนี้ไม่ควรอยู่ในแวดวงการเงินต่อไป หน่วยงานที่กำกับดูแลต้องเข้ามาดูแล เข้าไปกำชับ และ ตักเตือนเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก หากไม่ทำตามก็จะมีบทลงโทษตามกฎหมายต่อไป พอดีทางคลังอาจเจอเรื่องนี้ก่อน เพราะมี เจ้าหน้าที่ธนาคารบางแห่งไปแนะนำอธิบดีกรมสรรพากร ให้ย้ายเงินฝากมาที่แบงก์ และจะทำให้ไม่ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย ทำให้รู้ว่ามีช่องโหว่ทำให้ภาษีรั่วไหล”
มีรายงานข่าวจากสื่อสารมวลชนรายหนึ่งได้ไปสำรวจเอกสารยุทธศาสตร์ชาติจำนวนกว่า 120 หน้า อ้างอิงจาก http://www.thaigov.go.th/ebook/contents/detail/72#book/ พบว่ามีการ กำหนดถึงคุณลักษณะของคนไทยที่น่าสนใจ สิ่งที่ปรากฏในเอกสารสำคัญฉบับนี้บางส่วน บางข้อกล่าวไว้ว่า  “คนไทยมีปัญหาด้านคุณธรรม ไม่ตระหนักถึงวินัย ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีจิตสาธารณะ : คนไทยในโลกดิจิทัลยังขาดทักษะในการคัดกรอง และเลือกรับวัฒนธรรมที่ดีจากต่างประเทศ จนทำให้ละทิ้งค่านิยมที่ดีอันเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย ลดคุณค่าของความเป็นไทย มีค่านิยมที่ยึดถึงตัวเองมากกว่าส่วนรวม
ในหัวข้อเดียวกันยังระบุว่า “คนไทยเป็นคนรักสนุกและความสบาย เชื่อข่าวลือ ขาดความอดทน ขาดวินัย เป็นคนวัตถุนิยม ยอมรับคนที่มีฐานะมากกว่าคนดีมีคุณธรรม”
สิ่งใดที่ถูก แม้ไม่มีใครทำ มันก็ถูกวันยังค่ำ สิ่งใดที่ผิด แม้ทำกันทั่วไป มันก็คือผิด ที่ผิดหวังคือ คนที่ทำ คนที่ร่วมทำ คนที่ควรจะรู้ว่าใครทำ ทุกคนต่างรู้ ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดีใช่หรือไม่ ทุกคนต่างทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำใช่หรือไม่
“การทำอย่างนี้ไม่มีธรรมาภิบาลการทำเช่นนี้ไม่ควรอยู่ในแวดวงการเงินต่อไป”

เรื่องน่าอ่าน