ถอดชีวิตจริงจากเพลง “แจ๊ส ชวนชื่น-แอ๊ด คาราบาว”
เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : ถอดชีวิตจริงจากเพลง “แจ๊ส ชวนชื่น-แอ๊ด คาราบาว” : วันจันทร์ที่ 5 เมษายน2564
การพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน
ก่อนอนุมัติสินเชื่อ ธนาคารดูอะไรบ้าง? เครดิตบูโรมีคำตอบ!
ธนาคารจะพิจารณาอะไรบ้าง เมื่อคุณยื่นขอสินเชื่อ
ในการพิจารณาสินเชื่อ สถาบันการเงินหรือธนาคารจะพิจารณาจากปัจจัยหลายข้อประกอบกัน เช่น
• นโยบายการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินแต่ละแห่งที่ต่างกัน
• ภาระหนี้ที่มีอยู่เดิม และความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ
• หลักประกันความเสี่ยงของผู้ขอสินเชื่อ เช่น หลักทรัพย์ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกัน
• โอกาสในการผิดนัดชำระมากหรือน้อย
• ประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาในข้อมูลเครดิต
ประวัติเครดิตของคุณเป็นแบบไหน ไปเช็คให้ชัวร์ได้ที่ศูนย์บริการตรวจเครดิตบูโรทั่วประเทศ ไม่ต้องเตรียมเอกสารให้ยุ่งยาก แค่ยื่นบัตรประชาชนของตนเองก็ยื่นขอได้ทันที ค่าบริการเพียง 100 บาท
อยากรู้ว่าประวัติเครดิตของคุณเป็นแบบไหน อย่าลืมไปเช็คให้ชัวร์ได้ที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร
กู้ไม่ผ่าน/ถูกปฏิเสธสินเชื่อ โดยอ้างเหตุเกี่ยวกับเครดิตบูโรจะต้องทำอย่างไร
มาตรวจเครดิตบูโรได้ฟรี! เมื่อท่านถูกปฏิเสธสินเชื่อ โดยมีการอ้างว่าเป็นเพราะเครดิตบูโร กฎหมายที่คุ้มครองดูแลท่าน คือ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 ได้กำหนดการคุ้มครองให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าของข้อมูล (ซึ่งก็คือตัวท่าน)
เพียงแค่นำหนังสือปฏิเสธสินเชื่อ และบัตรประชาชนตัวจริงของตนเอง
ที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร 5 แห่ง ฟรี ไม่มีค่าบริการ ดังนี้
เปิดบริการ วันจันทร์-ศุกร์
1.ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร – ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ อาคาร 2 ชั้น 2
เลขที่ 63 ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320
เปิดทำการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00 น. – 16.30 น. หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์
*ให้บริการตรวจสอบข้อมูลบุคคลธรรมดา (ของตนเองหรือมอบอำนาจ) , นิติบุคคล และชาวต่างชาติ
2.ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร – อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก
ชั้น 3 (โซนธนาคาร)
เปิดทำการวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น. หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์
*ให้บริการตรวจสอบข้อมูลบุคคลธรรมดา (ของตนเองหรือมอบอำนาจ) และชาวต่างชาติ
3.ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร – สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง (ภายในสถานี)
เปิดทำการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00 น. – 18.00 น.
*ให้บริการตรวจสอบข้อมูลบุคคลธรรมดา (ของตนเองหรือมอบอำนาจ) และชาวต่างชาติ
เปิดบริการ วันจันทร์-อาทิตย์
4.ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร – สถานีรถไฟฟ้า BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ภายในสถานี)
เปิดทำการวันจันทร์-วันอาทิตย์ เวลา 09.00 น. – 18.00 น.
*ให้บริการตรวจสอบข้อมูลบุคคลธรรมดา (ของตนเองหรือมอบอำนาจ) และชาวต่างชาติ
5.ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร – ห้างเจเวนิว (นวนคร) ติดโรงพยาบาลนวนคร
ชั้น 3 ติดประกันสังคม
เปิดทำการวันจันทร์ – อาทิตย์ เวลา 09.00 น. – 18.00 น.
*ให้บริการตรวจสอบข้อมูลบุคคลธรรมดา (ของตนเองหรือมอบอำนาจ) และชาวต่างชาติ
การอัปเดตข้อมูลในรายงานข้อมูลเครดิต
ข้อมูลในเครดิตบูโรอัปเดตทุก ๆ กี่เดือน?
สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกจะนำส่งข้อมูลให้กับเครดิตบูโรตามรอบการรายงานและจัดส่งข้อมูล ซึ่งเป็นการรายงานและส่งข้อมูลสินเชื่อแบบรายเดือน (Monthly Basis) มิใช่รายงานและส่งข้อมูลสินเชื่อแบบทันที (Real Time) เช่น ข้อมูลการชำระปิดบัญชีของเดือนมีนาคม 2562 ท่านสามารถตรวจสอบเครดิตบูโรได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป
ขอแก้ไขรหัสสถานะบัญชี
ชำระหนี้ครบแล้ว จะปิดบัญชีหนี้อย่างไร? ต้องแจ้งใครไหม? เรามีคำตอบ!
กรณีชำระหนี้ปิดบัญชีกับสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร เมื่อท่านชำระหนี้ครบถ้วนและปิดบัญชีกับสถาบันการเงินเรียบร้อยแล้ว ท่านไม่ต้องทำอะไร เนื่องจากสถาบันการเงินมีหน้าที่ตามกฎหมายในการนำส่งข้อมูลมาที่เครดิตบูโรในเดือนถัดไป ว่าท่านชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว ภาระหนี้เท่ากับ 0 (ศูนย์) บาท สถานะบัญชีของท่านคือ “ปิดบัญชี” (11 : ปิดบัญชี)
กรณีสถาบันการเงินโอนหรือขายหนี้ ของท่านไปยังผู้รับโอนซึ่งเป็นนิติบุคคลและไม่ได้เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร เมื่อท่านชำระหนี้ให้แก่ผู้รับโอนเสร็จสิ้นแล้ว ขอให้ท่านนำหนังสือยืนยันการชำระหนี้เสร็จสิ้นจากนิติบุคคลผู้รับโอน มายื่นคำร้องขอแก้ไขสถานะปิดบัญชี จาก “โอนหรือขายหนี้” เป็น “ลูกค้าได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว” ได้ที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรทั้ง (เนื่องจากนิติบุคคลผู้รับโอนไม่ใช่สมาชิกเครดิตบูโร จึงไม่สามารถนำข้อมูลการชำระหนี้มาที่เครดิตบูโรได้) ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร >> https://goo.gl/EUqDA4
เอกสารที่ใช้ ได้แก่
– แบบคำขอแก้ไขรหัสสถานะบัญชี (ดาวน์โหลดได้ที่ www.ncb.co.th)
– หนังสือยืนยันการชำระหนี้ปิดบัญชี
– สำเนาบัตรประชาชนของตนเอง
***หลังจากยื่นเอกสารหลักฐานเรียบร้อย จะใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 30 วัน (โดยเครดิตบูโรจะแก้ไขข้อมูลจากสถานะ 42 โอนหรือขายหนี้ เป็น สถานะ 43 โอนขายหนี้ และชำระหนี้เสร็จสิ้น)
เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : การเดินทางยังอีกยาวไกล : วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564
การเดินทางยังอีกยาวไกล
บรรยากาศของสภาพการทำมาหากินของผู้คนและธุรกิจรายจิ๋ว รายเล็ก รายกลาง รายใหญ่ ในช่วงที่จะพ้นหนึ่งไตรมาสของปี 2564 ในอีกวันสองวันนี้ คงจะทำให้ใครต่อใครใจชื้นขึ้นมาบ้าง ใครที่พอจับทางคนซื้อของได้ มีรูปแบบธุรกิจตอบโจทย์ ก็พอจะรอดปลอดภัย แต่ใครที่กู้เขามา ธุรกิจการค้าถูกรายใหญ่แย่งไปหรือขึ้นออนไลน์ไม่ได้ก็จบ เห็นได้จากโครงการคนละครึ่ง พ่อค้าแม่ขายต่างปรับตัวได้ดีถึงดีมาก ผู้เขียนไปออกกำลังกายที่สวนรถไฟ พบว่าแทบทุกร้านค้าสามารถให้บริการได้หมด หากเราลองนึกภาพ ต้มเลือดหมูกับข้าวสวย 60 บาท แต่จ่ายจริง 30 บาท มันทำให้คนซื้อคิดได้ง่าย ๆ ว่า มื้อนี้หนึ่งอิ่มเพียง 30 บาท แต่ในบางบรรยากาศก็พบว่าผู้คนรู้สึกเหมือนเพื่อนผู้เขียนดังนี้
“เราขอคิดแบบบ้าน ๆ นะ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนอกจากเงินมันฝืด ๆ กำลังซื้อน้อยลงแล้ว อาจเกิดจากสินค้าประเภทอาหารการกินเพื่อประทังชีวิตแต่ละวัน แพงขึ้นมากหรือเปล่า ไม่แน่ใจ … เราสังเกตจากตัวเอง และชุมชนรอบบ้านว่าเวลามาซื้อกับข้าวที่รถพุ่มพวงที่เข้ามาขายในชุมชนหมู่บ้าน เห็นได้ชัดว่าปริมาณการซื้อแต่ละสิ่งอย่างหรือ Portion การซื้อของพวกเขาลดลง เกือบครึ่ง มา 2-3 ปีแล้วนะ พอมีโควิด-19 มาซ้ำเติมไปอีกก็เห็นได้ชัดว่า เงินที่กำมาซื้อของมันน้อยลง
เพื่อนผู้เขียนอีกท่านที่เป็นนักธุรกิจซื้อขายรถมือสองแบบบริหารจัดการมืออาชีพ ได้ให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นช้าเพราะ (1) ที่ผ่านมาไทยเราพึ่งพาการท่องเที่ยวมากเกินไป เพราะ (2) อำนาจซื้อถดถอยอย่างรุนแรงแม้จะมีกลุ่มที่ซื้อได้แต่ก็ขาดแรงจูงใจกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย โดยเฉพาะสินค้าคงทน เช่น บ้านและรถยนต์ ทรัพย์สินมูลค่าสูง การซื้อต้องใช้การกู้ยืมสถาบันการเงิน ซึ่งมีความเข้มงวดในการพิจารณามากกว่าเดิมเป็นอย่างมาก (3) กลุ่มเปราะบางได้รับการช่วยเหลือในการบริโภคสิ่งจำเป็นแบบลดต้นทุนการใช้ชีวิตประจำวันแต่ด้วยการจ้างงานมันไม่แน่นอนก็ทำให้ขาดกำลังซื้อสินค้าคงทน สินค้ากึ่งคงทนอื่น ๆ เพราะต้องขอสินเชื่อมาซื้อซึ่งคนที่กู้ผ่านมีจำนวนน้อยมากๆ (4) มาตรการสร้างแรงจูงใจบวกกระตุ้นจากภาครัฐด้วยวิธีการต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องถูกงัดขึ้นมาดำเนินต่อไปเพื่อให้เศรษฐกิจไทย สามารถเติบโตตามศักยภาพได้ (Potential Growth) ตามเป้าหมาย 4% ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยยังสอบไม่ผ่านการเติบโตระดับนี้แม้จะต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านแต่ก็ยังดีกว่าไม่ใช้มาตรการกระตุ้นใด ๆ เลย ปล่อยตามธรรมชาติ ดังนั้นความเห็นผม (เพื่อนผู้เขียน) ก็ยังเชื่อว่าต้อง “กระตุ้นบวกสร้างภูมิคุ้มกัน” ไปพร้อม ๆ กันครับ
อีกท่านที่เป็นเพื่อนผู้เขียนก็บอกว่าถ้าเราหลับตา ให้ถือว่าปิดประตูความหวังรายได้จากการท่องเที่ยวไปก่อน แล้วพยายามคิดใหม่ในหนทางที่จะเดินไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศก็ยังมองไม่เห็นภาพอะไรที่ชัดเจนเลย คนรุ่นเรา (หมายถึงคนอายุเกิน 50 ปีตามวัยของผู้เขียน) อาจไม่ลำบากที่สุดเพราะสร้างมาบ้างแล้วในบางกลุ่มบางคน แต่คนในรุ่นต่อไปลำบากแน่ (ตรงนี้ผู้เขียนมีทั้งเห็นด้วยไม่เห็นด้วยนะครับ ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่สมองไว เห็นทางออกในทุกปัญหาก็น่าจะเป็นพวกที่แบงก์ชอบ แต่ถ้าไปพบคนรุ่นต่อไปแบบเห็นปัญหาใน
ลากเรื่องออกมาไกลกว่าเรื่องเศรษฐกิจไทยแต่เป็นเรื่องสังคมไทย ก็ยังมีเรื่องไม่ลงตัวอีก มีความพยายามพูดคุยกันบนพื้นที่แห่งความปลอดภัยที่ปราศจากพวกฉัน พวกเธอ มีแต่พวกเรา มีข้อความจากคุณหมอท่านหนึ่งที่เป็นคุณหมอความคิดก้าวหน้าของสังคมไทยได้กล่าวไว้น่าฟังดังนี้
… อนาคต อาจจะแย่กว่า อดีต ก็ได้นะครับ
อย่าลืมว่าเรามีเรื่องปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ climate change และ biodiversity loss… ความเสียหายจากการสูญเสียความหลากหลายทางพืชพันธุ์ ทุกคนคงเคยได้ยินเรื่องนี้แล้ว… แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะให้ความสำคัญหรือตื่นตัวกับเรื่องนี้มากนัก เพราะคงคิดว่าไกลตัวประกอบกับประเทศไทยมีสัดส่วนของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) น้อยกว่าประเทศใหญ่ ๆ
แต่การแย่งชิงทรัพยากรหรือ resource competition อาจจะสร้างความเกลียดชังได้นะครับ โดยผ่านการมองว่าอีกฝ่ายมาแย่งของเรา เลยเป็นศัตรู… ดูง่าย ๆ น้ำในแม่น้ำก็เริ่มแย่งกัน นี่ขนาดโลกยังมีน้ำแข็งให้ละลายบนภูเขา หรืออีกหน่อยอาจจะลามไปถึงทะเลส่วนที่มีปลา ที่นักวิทยาศาสตร์พยากรณ์ว่าจะมีการอพยพมากขึ้นด้วย… ผู้คนอาจจะมองเป็นเหมือนการบุกรุกอีกแบบหรือเปล่า พอคนอพยพมาร่วมใช้ทรัพยากรไม่มากก็คงพอช่วย ๆ กันได้ แต่ถ้าทะลักมาจำนวนมาก (ผู้เขียน : แบบหนีสงครามกลางเมืองมา) ก็คงแย่งทรัพยากรกัน เราอาจจะต้องมีแผนล่วงหน้ากันหรือไม่
สุดท้าย ผมขอนำข่าวที่คุณบัณฑูร ล่ำซำ ได้กล่าวต่อสื่อมวลชนไว้น่าสนใจหลังทางการออกมาตรการวันที่ 23 มีนาคม 2564 เกี่ยวกับ Soft loan และมาตรการโกงดังพักหนี้ ดังนี้ “ถ้าเศรษฐกิจไม่หมุน คนไม่เดินทาง ไม่ใช้จ่าย นักท่องเที่ยวมาไม่ได้ อะไรก็ยืนไม่อยู่ การพักก็ต้องเป็นการพักชั่วคราว ตอนนี้แบงก์ก็ต้องแบกทั้งนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งแบกไม่ได้ แบกได้ขั้นหนึ่ง เพราะในที่สุดแล้วน้ำต้องมา ถ้าน้ำไม่มา ก็ไม่มีสูตรอะไรที่แก้ปัญหาได้ ก็หวังว่าจะค่อย ๆ มา”
… ตอนนี้ทุกส่วนก็หวังว่าการมีวัคซีนฉีดกระจายให้ทั่วถึงประชาชนในทั่วโลก จะทำให้เดินทางกันได้ปกติอีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญต่อประเทศไทยมาก เพราะพึ่งพารายได้จากการเดินทางมาท่องเที่ยวของต่างประเทศ ส่วนจะส่งผลให้เป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2564 น่าจะไปในทิศทางที่เป็นบวก แต่จะบวกได้แค่ไหนอยู่ที่จังหวะของการฟื้นกระแสของการท่องเที่ยวและการจัดการของภาครัฐ
การเดินทางจากปลายปี 2562 จากข่าวร้ายเมืองอู่ฮั่น มาจนวันนี้จะสิ้นไตรมาสหนึ่งปี 2564 เรา ๆ ท่าน ๆ ต้องนับก้าวกันต่อไปแบบใส่หน้ากากเดินทีละก้าว กินข้าวที่ละคำ นำตัวเองไปด้วยความไม่ประมาท
ข่าวเครดิตบูโร 001/2564 เครดิตบูโรร่วมแสดงความยินดีประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ
ข่าวเครดิตบูโร 001/2564
ข่าวประชาสัมพันธ์
เครดิตบูโรร่วมแสดงความยินดีประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ
วันที่ 23 มีนาคม 2564 : นายสุรพล โอภาสเสถียร (ขวา) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ร่วมแสดงความยินดีนายฉัตรชัย ศิริไล (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในโอกาสดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เป็นวาระ ที่ 2 เป็นระยะเวลาอีก 2 ปี (พ.ศ. 2564-2566) ณ ธอส. สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
E-mail: ilovebureau@ncb.co.th / website: www.ncb.co.th / facebook: www.facebook.com/ilovebureau
วันที่ 19 มีนาคม 2564 วัคซีนเศรษฐกิจ มาตรการเชิงรุกในระยะต่อไป – มาตรการแช่แข็ง – โกดังเก็บหนี้ – เงินกู้ละมุนนุ่ม หรือ Soft Loan เวอร์ชันใหม่
วันที่ 19 มีนาคม 2564
วัคซีนเศรษฐกิจ
มาตรการเชิงรุกในระยะต่อไป
– มาตรการแช่แข็ง
– โกดังเก็บหนี้
– เงินกู้ละมุนนุ่ม หรือ Soft Loan เวอร์ชันใหม่
รายการวิทยุ รู้รักสามัคคี ทำความดีเพื่อแผ่นดิน
ทุกวันศุกร์ เวลา 12.30-13.00 น. FM 103 MHz
https://www.youtube.com/watch?v=S1UsGnnBb7k