Blog Page 74

เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : เราต้องเผชิญหน้าเหตุการณ์วันนี้ด้วย สติ วินัย และไอเดีย : วันอังคารที่ 29 ธันวาคม 2563

เราต้องเผชิญหน้าเหตุการณ์วันนี้ด้วย สติ วินัย และไอเดีย

บทความวันนี้ผมขอยกเอาแนวคิดและคำพูดของผู้นำองค์กรสถาบันการเงินในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งก็คือ “กรุงศรี ออโต้” นั่นเอง เหตุเพราะเมื่อผมได้อ่านข่าวการให้ข้อมูลของผู้นำองค์กรแห่งนี้ต่อสื่อมวลชนแล้วต้องยอมรับว่าชื่นชมวิสัยทัศน์ แนวคิด การตระเตรียมตัวในยุคที่ เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร หรือ unknown the unknown ทุกท่านลองคิดตามผมมานะครับ

1. ปลายปี 2563 เราน่าจะจัดกิจกรรมกระตุ้นการใช้จ่ายแบบระมัดระวัง ทำให้เงินหมุนเวียน เศรษฐกิจในต่างจังหวัดน่าจะดีขึ้น มาตรการไทยเที่ยว?ไทย น่าจะไปได้สวย ยิ่งมีโครงการคนละครึ่งมาช่วยอีกแรงน่าจะไปได้ดี แต่ก็มาสะดุดเพราะการระบาดภายในประเทศไทยรอบใหม่

2. สายบุญหลายท่านต่างเตรียมตัวเตรียมใจ จะไปเข้าวัด ถือศีลปฏิบัติธรรม วัดวาอารามต่างเตรียมสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งเป็นกิจกรรมหนุนส่งกำลังใจหลังจากที่ต้องฝ่าฟันกันมาเป็นปีจากการแพร่ระบาดไวรัส แต่ก็มาสะดุดเพราะการระบาดภายในประเทศไทยรอบใหม่

3. กิจกรรมบันเทิง ดารา นักร้อง ดีเจ ลูกทุ่ง หมอลำ ลิเก ละเม็งละคร ต่างจัดตารางเดินสาย โชว์ตัว เตรียมรับทรัพย์กันเต็มที่ ลูกวงจะได้เงินรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็มาสะดุดเพราะการระบาดภายในประเทศไทยรอบใหม่

ภาวะการที่ละล้าละลัง คิดไม่ตกว่าจะเดินทางไปพักผ่อน เดินทางกลับถิ่น เดินทางข้ามจังหวัด มีการยกเลิก การเลื่อน การจองที่พักหรือการเข้าพักตอนปลายปีสะดุดไปหมด เรียกได้ว่าเมืองท่องเที่ยวต่างน้ำตาตกกับเหตุการณ์ที่มีจุดเริ่มจากการลักลอบกลับเข้าเมืองไทยของคนที่ไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน ต่อด้วยการแพร่ระบาดที่ตลาดอาหารทะเล จนกระจายไปกว่าสามสิบจังหวัด มาตรการแบ่งพื้นที่เขียว เหลืองแดง พร้อมมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดออกคำสั่ง ปิดหรือหยุดกิจกรรมในพื้นที่เพื่อป้องกันกันอย่างเต็มเหนี่ยว ในขณะที่ฟากฝั่งเศรษฐกิจก็ใจไม่ค่อยดีกับยอดหนี้เสียที่ธนาคารกลางกำลังลงไปบี้เอากับสถาบันการเงินให้แยกแยะลูกค้าโดยเฉพาะ SME ให้ออกมาตามเกณฑ์ เขียว เหลืองและแดง เช่นเดียวกัน มีการบี้ให้แจ้งผลการดำเนินงานในการเร่งปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ลูกค้าจ่ายชำระหนี้ตามศักยภาพ ตามกระแสรายได้ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แต่ก็มาสะดุดเพราะการระบาดภายในประเทศไทยรอบใหม่ เพราะเหตุว่าถ้ามีการ lock down ที่พื้นที่ไหน ผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อผู้ประกอบการในพื้นที่ก็ต้องเจอเต็มๆ อาการที่เรียกว่า “ยอดหนี้มีเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือไม่มีจะจ่าย”

สติ วินัย และไอเดีย คือสิ่งที่เราๆ ท่านๆ ต้องยึดถือยึดมั่นให้มาก

ต้องมีสติในการพินิจพิจารณาว่าข้อมูล ข้อเท็จจริง ข่าวสารที่เข้ามา อะไรจริง อะไรเท็จ อะไรควรแชร์ ในส่วนของการทำงานต้องกำหนดลมหายใจให้มั่น คิดให้ตกว่าจะเดินอย่างไร เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ เวลานึกกิจกรรมอะไรได้ให้ตั้งคำถามว่า ทำช้าหรือทำเร็ว ทำหนักหรือทำเบานะครับ
วินัยคือการอดทนอดกลั้น ลงมือทำในสิ่งที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เช่น การกำหนดตารางออกกำลังกาย ตื่นเช้าต้องไปวิ่ง ถึงเวลาก็ต้องลุก อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง วินัยทางการเงินของกิจการยิ่งสำคัญ ค่าใช้จ่ายต้องก่อให้เกิดรายได้ จ่ายอะไรออกไปแล้วไม่ได้รายได้กลับมา รายจ่ายนั้นคือค่าโง่นั่นเอง
สุดท้ายคือไอเดีย ความคิดที่ผุดขึ้นมาทั้งในแง่ สร้างรายได้ ลดรายจ่าย เพิ่มโอกาส ไม่ว่าจะมาจากทีมงาน ผู้บริหารระดับไหน ต้องเอามาพิจารณาให้หมด เวลานี้ไม่มีใครเก่งกว่าใครแล้ว อะไรที่ทำได้ต้องรีบทำ ทำแล้วถ้าไม่ได้ผลให้รีบยกเลิก หาทางใหม่ อย่าติดกับดักความคิดเอาชนะ เวลานี้คือ การอยู่รอด อยู่ให้เป็นกับโควิด-19 และอยู่ให้ยาวหลังโควิด-19 ให้ได้

ผู้เขียนตีความสามคำนี้จากวิสัยทัศน์ของ “กรุงศรีออโต้“ ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้นะครับ

สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา

สุขสันต์วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 ปีที่เรายังต้องฝ่าไปให้รอดให้ได้ด้วย สติ วินัยและไอเดียครับ

วิธีออมเงินขั้นเทพ เงินไม่หาย ไม่ไหลจากกระเป๋า เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น

วิธีออมเงินขั้นเทพ เงินไม่หาย ไม่ไหลจากกระเป๋า เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น

เริ่มต้นปีใหม่ 2564 ท่านมีการวางเป้าหมายการออมเงินกันบ้างหรือยังคะ?

การออมอย่างจริงจังและมีเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นเรื่องดี
ถ้าหากเรามีวิธีการออมเงินที่ดี เราจะมีความสบายใจ ไร้กังวล มีเงินใช้จ่ายอย่างพอประมาณ มาลองดูวิธีการออมเงินขั้นเทพ
ที่นอกจากช่วยไม่ให้เงินหาย และไหลจากกระเป๋า ก็ยังมีเงินไว้ใช้ยามจำเป็นค่ะ

วิธีออมเงินขั้นเทพ เงินไม่หาย ไม่ไหลจากกระเป๋า ใช้เที่ยวทันสิ้นปี

ชีวิตต้องรอด! 5 วิธีเอาตัวรอดจากวิกฤติทางการเงิน เดือนชนเดือน

ชีวิตต้องรอด! 5 วิธีเอาตัวรอดจากวิกฤติทางการเงิน เดือนชนเดือน

การเงินเจ็บหนัก รายจ่ายบาน ใช้เงินเดือนชนเดือน ในปี 63 ปรับตัวเองใหม่ในปี 64 ได้ง่าย ๆ ด้วย 5 วิธีนี้

1. ใช้จ่ายอะไร จดไว้ให้หมด
ในช่วงที่รายรับเท่าเดิม แต่รายจ่ายมากขึ้นเช่นนี้ จำเป็นต้องรัดกุมกับเงินทุกบาท ทุกสตางค์ ค่าใช้จ่ายที่มีในแต่ละเดือน ต้องใช้อะไร ซื้ออะไรควรจดไว้ เพื่อเตือนความจำและการใช้เงินอย่างมีสตินั่นเองค่ะ

2. ช่างสังเกต เปรียบเทียบสินค้า เช็กราคาเซลอยู่เสมอ
เช่น การเปรียบเทียบสินค้า 1 สิ่ง ระหว่างซื้อเองที่ร้าน หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ แบบไหนคุ้มค่ากว่า โดยคำนวณจาก ค่าเดินทาง ค่าจัดส่ง แล้วเปรียบเทียบดูนั่นเองค่ะ

3. Second Job เพิ่มรายได้
หากรายได้ทางเดียวไม่เพียงพอ การหารายได้เสริมเพื่อเพิ่มรายรับ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้วิกฤติทางการเงินได้เช่นค่ะ แต่จะต้องทำไม่ให้กระทบกับงานหลักด้วยนะคะ

4. ค้นหาช่องทางการลงทุนใหม่ ๆ
เช่น หุ้น กองทุนใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ที่พอจะมีแนวโน้มในการเติบโตในอนาคต ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนกลับมาได้ด้วยค่ะ

5. ลดรายจ่ายไม่จำเป็น
ทั้งค่าเสื้อผ้า ค่ากาแฟ ค่าความบันเทิง ที่เกินกว่ารายรับ และเกินความจำเป็น ควรลดลงมาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม แก้ปัญหาวิกฤติเดือนชนเดือน

การเอาตัวรอดวิกฤติทางการเงินแม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าหากมีวินัย และทำอย่างสม่ำเสมอ ท่านก็จะรอดพ้นวิกฤติได้ไม่ยากค่ะ

ชีวิตต้องรอด! 5 วิธีเอาตัวรอดจากวิกฤติทางการเงิน เดือนชนเดือน

เคล็ดลับวางแผนภาษีช่วงสิ้นปี เตรียมพร้อมให้ดีก่อนไปเคาน์ดาวน์

เคล็ดลับวางแผนภาษีช่วงสิ้นปี เตรียมพร้อมให้ดีก่อนไปเคาน์ดาวน์

“ใกล้สิ้นปี เตรียมวางแผนภาษีกันหรือยัง ?”

เรื่องของภาษีเป็นสิ่งใครหลาย ๆ คนมีภาระหน้าที่ต้องจ่ายในแต่ละปี ซึ่งทุกปีก็จะมีรูปแบบการลดหย่อนภาษี เงื่อนไขที่แตกต่างกันไป หากไม่มีการศึกษาข้อมูล เงื่อนไขของแต่ละรายการให้การลดหย่อนภาษีของท่านอาจสูญเปล่าได้

ฉะนั้นเราจึงมีเคล็ดลับการวางแผนลดหย่อนภาษีในช่วงสิ้นปีมาฝาก เพื่อให้ท่านเตรียมพร้อม วางแผนก่อนไปเคาน์ดาวน์กันค่ะ

1. คำนวณฐานเงินได้ทั้งหมด ณ ปัจจุบัน
วิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มี 2 วิธีที่ต้องใช้คู่กัน ได้แก่
– คำนวณแบบขั้นบันได
เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
จากนั้น
เงินได้สุทธิ * อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย
ซึ่งถ้าท่านคำนวณเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ท่านก็จะไม่ต้องจ่ายภาษีค่ะ

– คำนวณแบบเหมา 0.5%

เงินได้ที่ไม่ใช่เงินเดือน * 0.5% = ค่าภาษี

กรณีนี้จะถูกนำมาใช้ต่อเมื่อท่านมีรายได้ที่นอกเหนือจากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว และจะนำมาใช้ต่อเมื่อเข้าเงื่อนไขครบทุกข้อต่อไปนี้เท่านั้น
– คำนวณจากรายได้ทุกทางยกเว้นเงินเดือน
– คำนวณภาษีแล้วค่าภาษีต้องเกิน 5,000 บาท
– คำนวณภาษีแบบเหมาแล้วได้มากกว่าแบบขั้นบันได

2. ตรวจสอบรายการลดหย่อนภาษีในปีนั้น ๆ
ในแต่ละปีจะมีการอัปเดตรายการลดหย่อนภาษีที่สามารถใช้ได้ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหยอดบุตร ค่าลดหย่อนบิดามารดา เบี้ยประกัน กองทุน ประกันสังคม เป็นต้น

3. ศึกษาเงื่อนไขการลงทุนก่อนเพื่อลดหย่อนภาษี
ช่วงสิ้นปีถือเป็นเทศกาลการลงทุน และการลดหย่อนภาษี มีการลงทุนหลากหลายแบบที่ลงทุนภายในช่วงสิ้นปี และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ในปีหน้า เช่น กองทุน SSF RMF ของแต่ละสถาบันการเงิน ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เป็นต้น

4. รู้จักวางแผนกระจายเงินได้
เพราะการลดหย่อนภาษีมีมากมายหลายรูปแบบ ท่านไม่จำเป็นต้องเลือกรูปแบบการลงทุน หรือการลดหย่อนภาษีที่เฉพาะเจาะจงเพียงอย่างเดียว ท่านสามารถกระจายการเงินได้ของท่านเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เกิดประโยชน์สูงสุดข้อมูลเพิ่มเติม

อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.itax.in.th/pedia/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5/

เคล็ดลับวางแผนภาษีช่วงสิ้นปี เตรียมพร้อมให้ดีก่อนไปเคาน์ดาวน์

3 เรื่องสำคัญที่เครดิตบูโร มักโดนแอบอ้าง

3 เรื่องสำคัญที่เครดิตบูโร มักโดนแอบอ้าง

เรื่องที่เครดิตบูโรโดนเข้าใจผิดและโดนแอบอ้างทุกครั้ง เวลามีการยื่นขอสินเชื่อ

1. เครดิตบูโรเป็นผู้พิจารณา/อนุมัติสินเชื่อ
ความเข้าใจผิดเรื่องแรกคือการโดนแอบอ้างว่า เครดิตบูโรเป็นผู้พิจารณา หรืออนุมัติสินเชื่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ‘เข้าใจผิด’ ค่ะ

เครดิตบูโรเปรียบเสมือนสมุดพกหนี้ ทำหน้าที่จัดเก็บรักษารวบรวมประมวลผลข้อมูลสินเชื่อของลูกค้าสถาบันการเงินตามที่สถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นสมาชิกเท่านั้น

2. ติด Blacklist เพราะเครดิตบูโร
คำกล่าวอ้างที่บอกว่า “กู้ไม่ผ่าน เพราะติด Blacklist ติดเครดิตบูโร” เป็นคำกล่าวที่ไม่เป็นความจริง

เพราะเครดิตบูโรไม่มีการจัดทำหรือขึ้นบัญชีให้กับใครในฐานข้อมูล และในรายงานข้อมูลเครดิตก็ไม่มีคำว่า Blacklist สถานะรายงานข้อมูลจะบอกเพียงแค่ “ปกติ” หรือ “ไม่ค้างชำระ” หรือในกรณีที่ท่านยังไม่ชำระหนี้ ก็จะขึ้นสถานะของรายงานข้อมูลเครดิตว่า “ค้างชำระ” นั่นเองค่ะ

3. อ้างว่าเครดิตบูโรช่วยเคลียร์หนี้/เจรจากับสถาบันการเงิน
เครดิตบูโรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีสิทธิ์อนุมัติ หรือร่วมตัดสินใจให้สินเชื่อกับใคร บุคคลใดกล่าวอ้าง แจ้งเรื่องได้ที่ consumer@ncb.co.th

3 เรื่องสำคัญที่เครดิตบูโร มักโดนแอบอ้าง

ข่าวเครดิตบูโร 010/2563 : กคช.พม. จับมือกับ เครดิตบูโร ยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจเครดิตบูโรของลูกค้า กคช. ที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อฯ

กคช.พม. จับมือกับ เครดิตบูโร ยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจเครดิตบูโรของลูกค้า กคช. ที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อฯ

 24 ธันวาคม 2563 : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ ร่วมกับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขอตรวจสอบข้อมูลเครดิตหรือตรวจเครดิตบูโรของผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยมี นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และ นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร ลงนามร่วมกัน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ณ ห้องวทัญญู ณ ถลาง สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีภารกิจหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัยควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึงตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ปัจจุบันยังมีผู้มีรายได้น้อยจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อด้านที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงิน การเคหะแห่งชาติจึงได้จัดตั้ง “โครงการสินเชื่อเพื่อ   การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย” ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยที่เป็นลูกค้าของการเคหะแห่งชาติสามารถขอสินเชื่อจากโครงการดังกล่าว หากไม่ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ การขออนุมัติสินเชื่อให้กับผู้เข้าร่วมโครงการฯ นั้น ได้กำหนดให้ผู้ขอสินเชื่อต้องยินยอมเปิดเผยข้อมูลเครดิตการเคหะแห่งชาติ   จึงได้ประสานขอความร่วมมือไปยังเครดิตบูโรเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขอยื่นสินเชื่อในโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยการเคหะแห่งชาติจะเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้ขอสินเชื่อในการ   ยื่นขอตรวจเครดิตบูโร นอกจากนี้ เครดิตบูโรได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจเครดิตบูโรสำหรับผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อฯ จำนวน 2,000 ราย ก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2564

“ต้องขอขอบคุณ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ที่เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและบรรลุวัตถุประสงค์ของแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี ในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ตามวิสัยทัศน์คือ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 (Housing For All)” นายทวีพงษ์ กล่าวเพิ่มเติ

สำหรับลูกค้าของการเคหะแห่งชาติที่ต้องการเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ และสำนักงานเคหะนครหลวง หรือ สำนักงานเคหะจังหวัดในพื้นที่ หรือ Call Center 1615 

  นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร กล่าวว่า “เครดิตบูโรมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมใน       โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยของการเคหะแห่งชาติ  โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจเครดิตบูโรให้แก่ผู้เช่าซื้อที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวและยื่นคำขอตรวจเครดิตบูโรก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวนไม่เกิน 2,000 รายการ ตามการประมาณการของการเคหะแห่งชาติ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกกลุ่มผู้มีรายได้น้อย  ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองจากสถาบันการเงินในกลไกตลาดปกติได้  ที่ผ่านมา เครดิตบูโรรณรงค์สร้างวัฒนธรรม “ออมก่อนกู้ คิดก่อนใช้ มีวินัย เมื่อมีหนี้” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีการวางแผนการเงิน พร้อมมีวินัยในการ    ออมเงินและรักษาเครดิตของตนเอง เป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักในเรื่องภาระหนี้ การบริหารจัดการหนี้ การมีวินัย ใช้หนี้ครบใช้หนี้ตรงตามเวลา เพราะอยากเห็นคนไทยมีวินัยทางการเงิน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ (ซ้าย) ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ   นายสุรพล โอภาสเสถียร (ขวา) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ  บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร  E-mail: ilovebureau@ncb.co.th / website: www.ncb.co.th / facebook: www.facebook.com/ilovebureau

ข่าวเครดิตบูโร 009/2563 : เปิดตัวบริการขอสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์โดยลีสซิ่งเจ้าแรก “โตโยต้า ลีสซิ่ง”

เปิดตัวบริการขอสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์โดยลีสซิ่งเจ้าแรก “โตโยต้า ลีสซิ่ง”

24 ธันวาคม 2563 : บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT) ร่วมกับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด   (เครดิตบูโร)  บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด (NDID) และสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย (THPA) ร่วมเปิดตัวบริการขอสินเชื่อออนไลน์ผ่านโมบายแอปพลิเคชั่น “TLT Simply” ซึ่งเป็นการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อแบบออนไลน์ที่จะอำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วให้แก่ลูกค้า  โตโยต้า ลีสซิ่ง เข้าถึงบริการสินเชื่อรถยนต์ได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถติดตามผลการสมัครสินเชื่อได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองผ่านโมบายแอปพลิเคชั่น เพื่อตอบสนองความต้องการและรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าในยุคดิจิทัล ยิ่งกว่านั้น ผู้ใช้บริการยังมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลเครดิตจะมีความปลอดภัยสูงสุด ด้วยการยืนยันตัวตนผ่าน NDID Platform ซึ่งเป็นการขอข้อมูลผ่านระบบอิเล็คทรอนิกส์ โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด

คุณชื่นกมล บุปผาคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “โตโยต้า ลีสซิ่ง เป็นบริษัทลีสซิ่งเจ้าแรกในประเทศไทยที่ลูกค้าสามารถขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ออนไลน์ โดยอยู่ในรูปแบบดิจิทัลทั้งกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การกรอกข้อมูลส่วนตัว อัพโหลดเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ ติดตามผลการขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชั่น รวมถึงลูกค้าสามารถให้ความยินยอมเพื่อเปิดเผยข้อมูลยืนยันตัวตนและข้อมูลเครดิตผ่านระบบได้ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของ TLT แก่ลูกค้า ลดความยุ่งยากทั้งขั้นตอนและเอกสาร ทำให้ลูกค้าทราบผลสินเชื่อได้รวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณการใช้กระดาษซึ่งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม เป็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายจากภาครัฐ ยกระดับการให้บริการและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของภาคธุรกิจในประเทศไทย เพื่อให้สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนไทยในสังคมยุคดิจิทัล

ในช่วงแรก โตโยต้า ลีสซิ่ง เริ่มให้บริการขอสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์กับกลุ่มลูกค้าเก่าและปัจจุบันของบริษัท และมีแผนที่จะขยายการให้บริการไปยังลูกค้าทั่วไปในอนาคต และสำหรับการให้บริการยืนยันตัวตนในรูปแบบดิจิทัลผ่าน NDID Platform ในช่วงแรกการให้บริการนี้ยังเป็นการให้บริการในวงจำกัดบน BOT Regulatory Sandbox เท่านั้น

คุณสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) กล่าวว่า “การร่วมมือกันของสี่หน่วยงานในครั้งนี้ ทำให้การขอสินเชื่อรถยนต์ผ่านระบบดิจิทัลมีความสมบูรณ์แบบทันสมัยสอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี เมื่อลูกค้ายื่นคำขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันของ TLT และได้ยืนยันตัวตนผ่าน NDID Platform แล้ว เครดิตบูโรสามารถเปิดเผยข้อมูลเครดิตให้กับ TLT ได้ทันที ทำให้ทั้งกระบวนการขอสินเชื่อจะไม่มีเอกสารที่เป็นกระดาษ และยังมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลเครดิตอีกด้วย ที่ผ่านมา เครดิตบูโรรณรงค์สร้างวัฒนธรรม “ออมก่อนกู้ คิดก่อนใช้ มีวินัย เมื่อมีหนี้” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีการวางแผนการเงิน พร้อมมีวินัยในการออมเงินและรักษาเครดิตของตนเอง เป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักในเรื่องภาระหนี้ การบริหารจัดการหนี้ การมีวินัย ใช้หนี้ครบใช้หนี้ตรงตามเวลา เพราะอยากเห็นคนไทยมีวินัยทางการเงินเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

คุณบุญสันต์ ประสิทธิ์สัมฤทธิ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด หรือ NDID กล่าวว่า “ก่อนอื่น NDID รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ โตโยต้า ลีสซิ่ง, บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ และบริษัทเนชั่นแนลดิจิทัลไอดี ได้ร่วมมือกันสร้างธุรกรรมเช่าซื้อดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ สอดรับกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการทำธุรกรรมดิจิทัลในประเทศไทย ก้าวแรกของความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมดิจิทัลนั้น คือความมั่นใจว่าบุคคลที่ทำธุรกรรมนั้นคือบุคคลนั้นอย่างแท้จริง NDID เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐาน และความน่าเชื่อถือของการทำธุรกรรมดิจิทัล และสามารถนำไปต่อยอดไปสู่ขั้นตอนอื่นๆ NDID Platform มีความปลอดภัยของข้อมูล ความโปร่งใสตรวจสอบได้ เนื่องจากดำเนินงานอยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชน อีกทั้งเรายังได้รับความร่วมมือจากสมาชิกในหลายภาคส่วนในการให้บริการ ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ทั้งหมดนี้จะส่งเสริมและรองรับการเติบโตของการทำธุรกรรมดิจิทัลของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี”

ทางด้าน คุณวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ ในฐานะประธานกรรมการสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย หรือ Thai Hire-Purchase Association (THPA) ได้กล่าวว่า “เมื่อปลายปี 2562 ทางสมาคมฯได้มีโอกาสเดินทางไปดูงานที่ประเทศจีน ทำให้ได้เห็นการใช้เทคโนโลยีในการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า กอปรกับการได้ไปร่วมงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการให้บริการของ NDID ที่ขยายการให้บริการยืนยันตัวตนข้ามหน่วยงาน สมาคมฯ ก็ได้ตระหนักถึงรูปแบบใหม่ของการให้สินเชื่อเช่าซื้อแบบออนไลน์นั้น มาเร็วกว่าที่คาดไว้และจะเป็นเทรนด์ใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ ทางสมาคมฯจึงได้ร่วมกับ NCB และ NDID ในการวาง Timeline และสนับสนุนทางด้านวิชาการเพื่อให้สมาชิกสมาคมทั้งธนาคาร  บริษัทสินเชื่อเช่าซื้อในกลุ่มบริษัทรถยนต์ (Captive) และ Non-bank ที่มีศักยภาพเข้าสู่ระบบการให้สินเชื่อเช่าซื้อออนไลน์ เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการให้สินเชื่อเช่าซื้อให้ทันสมัยและบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งทาง โตโยต้า ลีสซิ่ง ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่ประสบความสำเร็จ และจะเป็นต้นแบบที่ดีที่เป็นหนึ่งในผู้นำด้านวัฒนธรรมและด้านเทคโนโลยีในด้านการบริการของธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ท้ายนี้ สมาคมฯ คาดหวังจะสนับสนุนให้สมาชิกสมาคมที่มีศักยภาพเพียงพอเข้าสู่ระบบสินเชื่อเช่าซื้อออนไลน์ให้แล้วเสร็จภายในปี 2564”

จากซ้าย  คุณสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) คุณวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ ประธานกรรมการสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย  คุณชื่นกมล บุปผาคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และ คุณบุญสันต์ ประสิทธิ์สัมฤทธิ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด

*ภาพดังกล่าวถูกบันทึกก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่

 

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร  E-mail: ilovebureau@ncb.co.th / website: www.ncb.co.th / facebook: www.facebook.com/ilovebureau

อยากมีสถานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น! ต้องทำตามข้อแนะนำนี้

อยากมีสถานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น! ต้องทำตามข้อแนะนำนี้

ในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่กำลังอ่อนแอ แต่สถานทางการเงินของเราต้องไม่อ่อนแอตาม ถ้าอยากให้การเงินของท่านมีความแข็งแกร่ง ก้าวข้ามผ่านความอ่อนแอไปได้ มี 5 ข้อแนะนำตามนี้ค่ะ

1. อย่าชะล่าใจกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
หากท่านยังมีงานทำให้รักษาการงานไว้ให้มั่นคง และหยุดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นในสถานการณ์ช่วงนี้

2. มีเงินเก็บ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน
ท่านสามารถประเมินรายจ่ายคร่าว ๆ ได้จากเกณฑ์การใช้จ่ายของท่านในแต่ละเดือน เพื่อใช้สำหรับยามฉุกเฉิน หรือเหตุไม่คาดฝันในอนาคต และเริ่มออมเงินอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันเหตุฉุกเฉิน

3. ระวังมิจฉาชีพแฝงตัวมาตีสนิท
ช่วงเวลาที่โจรเริ่มชุกชุม และมาในหลากหลายรูปแบบ บางครั้งแฝงมาในรูปแบบเพื่อนของเพื่อน เพื่อขอยืมเงิน ดังนั้นท่านต้องเช็กข้อมูลให้อย่างถี่ถ้วน สอบถามรายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อป้องกันสถาการเงินของตัวท่านเองค่ะ

4. อย่าหลงกับดักให้กับหนี้นอกระบบ
หนี้นอกระบบมักจะมีคำพูดเชิญชวนให้ท่านหลงกล เช่น ไม่ต้องมีคนค้ำประกันก็กู้ได้ ผ่อนคืนวันละ 100 บาท เป็นต้น ซึ่งหากหลงกับดัก จะทำให้สถานการเงินของท่านแย่ลงไปอีก ถ้าอยากให้การเงินท่านดีขึ้น ต้องมีสติ และอย่าหลงกลไปเด็ดขาดค่ะ

5. อย่าลงทุน หรือเก็งกำไรแบบผิด ๆ
การลงทุนในช่วงนี้เป็นสิ่งที่ควรจะต้องศึกษาข้อมูลให้อย่างถี่ถ้วน วิเคราะห์ระดับความเสี่ยงที่ตนเองสามารถรับได้ และที่สำคัญอย่าเก็งกำไรแบบผิด ๆ หากไม่ศึกษาข้อมูลการลงทุนให้ดี เพราะจากที่จะได้กำไร กลับกายเป็นขาดทุน และสูญเงินไปจนหมดได้ค่ะ

อยากมีสถานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น! ต้องทำตามข้อแนะนำนี้

เรื่องน่าอ่าน