ทุกวันนี้เราใส่มาสก์เพื่อป้องกันไม่ให้การ์ดตกอย่างไร การออมเงินเพื่อเก็บไว้ใช้ในอนาคตก็ไม่ควรให้การ์ดตกเช่นกันนะคะ…
ท่านใดที่รู้สึกว่าการ์ดกำลัง ‘ตก’ ลองนำวิธีเก็บ-เพิ่ม-กั๊ก ไปใช้กันดูค่ะ รับรองว่าการ์ดจะไม่ตกอีกต่อไป
ทุกวันนี้เราใส่มาสก์เพื่อป้องกันไม่ให้การ์ดตกอย่างไร การออมเงินเพื่อเก็บไว้ใช้ในอนาคตก็ไม่ควรให้การ์ดตกเช่นกันนะคะ…
ท่านใดที่รู้สึกว่าการ์ดกำลัง ‘ตก’ ลองนำวิธีเก็บ-เพิ่ม-กั๊ก ไปใช้กันดูค่ะ รับรองว่าการ์ดจะไม่ตกอีกต่อไป
“เพราะช่วงชีวิตและเวลาที่ต่างกัน ความต้องการในแต่ละช่วงวัยจึงต่างตาม”
หากบอกว่าอนาคตเป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เป้าหมายชีวิตและการวางแผนการเงินของคนแต่ละวัยก็เปลี่ยนได้เช่นกัน ในช่วงวัยเด็กเราอาจจะมีเป้าหมายว่าอยากเก็บเงินเยอะ ๆ ไปซื้อของกิน ของเล่น แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทำงานความคิดนั้นอาจเปลี่ยนแปลงไป เริ่มมีวางแผนชีวิตและการเงินอย่างจริงจังมากขึ้น เช่น อยากสร้างครอบครัว ทำธุรกิจเป็นของตนเอง เป็นต้น และเมื่อเริ่มก้าวเข้าสู่วัยเกษียณเป้าหมายในชีวิตของเราอาจจะมีเพียงแค่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่เจ็บป่วยก็ได้
และเมื่อระยะเวลาทำให้ความคิดเราเปลี่ยน เราจึงจำเป็นจะต้องมีวิธีการวางแผนชีวิตและแผนการเงินที่เหมาะสม ตามฉบับของคนแต่ละช่วงวัยค่ะ…
– ช่วงระหว่างกำลังศึกษาเป็นช่วงที่ยังไม่มีรายได้หลักเป็นของตนเอง ทั้งยังไม่มีภาระหนี้สิน เป้าหมายหลักจึงจะเป็นการออมเงินเพื่อใช้จ่ายส่วนตัว เที่ยวเล่นกับเพื่อนซะเป็นส่วนใหญ่ ยังไม่ได้มีการวางแผนการเงินอย่างเป็นจริงเป็นจังนัก
– วัยนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างวินัยทางการเงินที่ดี เพราะหากในอนาคตหากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็จะสามารถวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบเพื่อไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้โดยง่าย
– แนวทางการเริ่มออมเงินและการลงทุนสำหรับคนวัยนี้อาจเริ่มจากการออมทีละเล็ก ๆ เน้นการฝากเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น การฝากอออมทรัพย์ หรือฝากประจำ เป็นต้น เพื่อสะสมเงินไว้ลงทุนในอนาคต
– ช่วงเวลาที่หางานที่ใช่สำหรับใครหลาย ๆ คน มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เนื่องจากสามารถหาเงินด้วยตนเองได้
– เป้าหมายของคนวัยนี้จะเริ่มจริงจังมากขึ้น ต้องการที่จะสร้างเนื้อสร้างตัว เปิดประสบการณ์ในชีวิต ทั้งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการศึกษาข้อมูล ความรู้การลงทุนอย่างจริงจัง เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการวางแผนการเงินและการลงทุนที่ดี
– แนวทางการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนในช่วงวัยนี้ เช่น การฝากประจำ ตราสารหนี้ เป็นต้น เพราะมีความเสี่ยงต่ำเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นลงทุน
– ช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป เป็นช่วงที่หน้าที่การงานเริ่มมีความมั่นคงและก้าวหน้าขึ้น หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็จะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
– เป้าหมายของกลุ่มคนวัยนี้ก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด มุ่งไปที่สร้างฐานะให้มั่นคงในอนาคต สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์
– การวางแผนการเงินจึงไม่ได้มีแค่การฝากเงินหรือลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่จะเลือกการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูง ซึ่งนั่นก็จะมีความเสี่ยงสูงตามมา เช่น หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
– ในวัยเลข 4 หน้าที่การงานและฐานะของคนวัยนี้จะเริ่มมีความมั่นคง และอยู่ตัวแล้ว
– เป้าหมายหลักส่วนใหญ่จึงไม่ใช่การเที่ยวเล่นเหมือนเช่นวัยเรียน หรือมุ่งสร้างชีวิตเหมือนช่วงเริ่มต้นทำงาน แต่เป็นการหันมาใส่ใจในเรื่องของชีวิตหลังเกษียณมากขึ้น รวมไปถึงเรื่องของปัญหาสุขภาพ
– แนวทางการวางแผนการเงินและการลงทุนของคนวัยนี้ จึงควรเน้นไปที่การลงทุนกับประกันสุขภาพ ประกันชีวิต และวางแผนชีวิตเกษียณอย่างเป็นระบบมากขึ้นนั่นเอง
– ช่วงก่อนเข้าวัยเกษียณอย่างเต็มรูปแบบ หลายคนเริ่มเตรียมแผนการเงินและเกษียณกันมาเป็นอย่างดี เป็นช่วงเวลาที่เงินที่นำไปลงทุนได้งอกเงยขึ้นจนกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ หากใครที่มีการออมเงินหรือลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ก็จะมีไว้ใช้จ่ายยามหลังเกษียณอย่างแน่นอน หรือสำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนได้ไม่นานก็ยังสามารถลงทุนในช่วงนี้ได้เช่นกัน
– การวางแผนและการลงทุนในช่วงวัยนี้ มักจะเลือกแนวทางการลงทุนที่มีความเสี่ยงระดับกลาง แต่ให้ผลตอบแทนได้สูง เช่น กองทุนรวม ตราสารหนี้ ตราสารทุน เป็นต้น
– ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ใครหลาย ๆ คนเริ่มปลดเกษียณกันแล้ว เป้าหมายของคนวัยนี้มักจะเป็นการวางแผนชีวิตให้มีความสุข ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงมากกว่าวางแผนการเงินเพราะมองว่าเลยช่วงเวลานั้นมาแล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วชีวิตหลังเกษียณก็ลงทุนได้
– แนวทางการลงทุนหลังเกษียณคือ เน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือเป็นแหล่งพักเงินที่ได้ดอกเบี้ยและผลตอบแทนกลับมา เช่น ฝากประจำ ตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น เพื่ออย่างน้อย ๆ ผลตอบแทนเล็ก ๆ เหล่านั้นเราสามารถนำมาใช้จ่ายยามฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น
สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินรูปแบบไหน และในช่วงวัยใด สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างวินัยการเงินที่ดีค่ะ หากเรามีวินัยที่ดีตั้งแต่เนิ่น ๆ เป้าหมายที่เราวางไว้ในแต่ละช่วงวัยก็จะประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอนค่ะ
“เก็บเงินมาตั้งนาน แต่ทำไมเงินที่เก็บไม่เพิ่มขึ้นสักทีนะ”
ปัญหาใหญ่สำหรับการออมเงินนั่นก็คือ กิเลส หรือความต้องการที่มากจนเกินความจำเป็น ทำให้บางครั้งเราสูญเสียเงินที่เก็บมาไปกับสิ่งของเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกลายมาเป็นศัตรูตัวร้ายที่มาคอยขัดขวางการออมเงินของเรา ฉะนั้นเพื่อให้เงินที่เก็บมาไม่สูญไป เราต้องมารู้จักกับ 5 ศัตรูตัวร้ายของการออมเงิน พร้อมกับวิธีกำจัดกันค่ะ
ศัตรูตัวที่ 1 เงินเฟ้อ
ภาวะเงินเฟ้อเป็นปัญหาที่เราไม่สามารถกำจัดได้ด้วยตนเอง เพราะเป็นสิ่งที่เกิดจากสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้น ทำให้ค่าของเงินลดลง เช่น ปัจจุบันค่าข้าวแกงจานละ 45 บาท เมื่อผ่านไป 10 ปี อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3% เราจะซื้อข้าวแกงได้ในราคา 46.14 บาท ซึ่งภาวะเช่นนี้หากเรามีรายรับเท่าเดิมแต่รายจ่ายสูงขึ้น ก็อาจทำให้เราไม่มีเงินเหลือเก็บได้
วิธีแก้ไขสำหรับศัตรูตัวนี้คือ นำเงินออมของเราไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าอัตราเงินเฟ้อนั่นเอง ทั้งนี้ก่อนการลงทุนอย่าลืมศึกษารายละเอียด และเตรียมพร้อมที่จะรับความเสี่ยงในการลงทุนให้ดีก่อนลงทุนด้วยนะคะ
ศัตรูตัวที่ 2 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เหตุไม่คาดฝันถือเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล ลาออกจากงาน เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในการวางแผนการเงิน หรือไม่ก็เกินขีดที่เราวางแผนไว้
วิธีป้องกันศัตรูตัวนี้คือ ลงทุนกับประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือประกันอุบัติเหตุ เพื่อเพิ่มความคุ้มครองในชีวิตที่อาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน และใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาทเพื่อป้องกันศัตรูตัวนี้ค่ะ
ศัตรูตัวที่ 3 ขาดวินัยในการออมเงิน
ใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่วางแผนการเงิน หรือออมเงินไม่สม่ำเสมอ ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจที่แฝงมาอยู่ในนิสัยการใช้เงินของเราโดยไม่รู้ตัว บางคนก็ไม่รู้ว่าแต่ละเดือนรายจ่ายที่เสียไปหมดไปกับอะไร ซึ่งล้วนแต่มีสาเหตุที่เกิดจากตนเองทั้งสิ้น
วิธีป้องกันศัตรูตัวนี้คือ ต้องเริ่มจากตัวเราเองค่ะ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินใหม่ สร้างวินัยการออมเงินด้วยการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ มองว่าเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำทุกวันเหมือนกับการอาบน้ำ แปรงฟัน แล้วศัตรูตัวร้ายนี้จะหายไปแน่นอนค่ะ
ศัตรูตัวที่ 4 ความโลภบังตา
ความโลภในที่นี้คือ ความโลภที่เกิดจากความต้องการผลตอบแทนสูงจากการลงทุน บางคนต้องการไปถึงเป้าหมายที่วางไว้โดยเร็วก็ทุ่มเงินที่มีลงทุนในสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อหวังจะได้ผลตอบแทนสูง ๆ กลับมา ซึ่งการทำเช่นนี้สุ่มเสี่ยงต่อการขาดทุนเป็นอย่างมาก
วิธีป้องกันศัตรูตัวนี้คือ ต้องลงทุนอย่างมีสติ ศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนให้อย่างละเอียด ประเมินความพร้อมและการรับมือกับความเสี่ยงในการลงทุนของเราว่าสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อรักษาเงินออมของคุณให้ปลอดภัยและงอกเงยในระยะยาวนั่นเองค่ะ
ศัตรูตัวที่ 5 เลือกซื้อของตามกระแสนิยม
ปัจจุบันสินค้าหลากหลายประเภทมักเลือกผลิตตามกระแสนิยม หรือความชอบของคนในสังคม เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคอย่างเราเลือกซื้อสินค้านั้น ๆ บางคนเห็นว่าสินค้ากำลังเป็นที่นิยมก็เลือกซื้อโดยลืมคำนึงถึงเรื่องของรายจ่ายที่ตามมา ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นศัตรูตัวร้ายที่จะมาขัดขวางการออมเงินของเราได้ค่ะ
วิธีป้องกันศัตรูตัวร้ายนี้คือ ต้องพยายามหยุดพฤติกรรมการซื้อของตามกระแสนิยม ไม่อ่อนไหวไปกับสินค้าตามเทรนด์ในช่วงนั้น ๆ เลือกซื้อของที่คิดว่าจำเป็นและเหมาะสมกับตนเองดีกว่า
ศัตรูตัวร้ายบางตัวสามารถป้องกันได้ หากรู้จักปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเงินของตนเอง มีสติก่อนการใช้จ่ายอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ก็สามารถมีเงินเก็บได้แล้วค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.set.or.th/education/th/start/start_start_3_1.pdf
เป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่เป็นหนี้แล้วไม่ชำระตรงเวลาถือว่าพลาด เสียเครดิตทางการเงินไปเต็ม ๆ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากเสียเครดิตทางการเงินไป ควรรู้จักวิธีจัดการหนี้ที่อย่างถูกต้องกันค่ะ
1. หยุดก่อหนี้(เสีย)เพิ่ม
ต้องแจกแจงหนี้ให้ได้ว่าอะไรที่เป็นหนี้ดี-หนี้เสีย และอย่าสร้างหนี้ใหม่เพื่อไปโปะหนี้เก่า เพราะจะเป็นการผูกปมสร้างหนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
2. สำรวจหนี้สินที่มี และเช็กความสามารถในการชำระหนี้
ควรตรวจสอบภาระหนี้สินทุกอย่างที่ตนเองมี เพื่อให้เห็นภาพรวมอย่างชัดเจน และสามารถนำมาจัดการบริหารรายจ่ายและหนี้สินได้อย่างเหมาะสม
3. วางแผนการเงิน และจัดสรรค่าใช้จ่ายใหม่
ปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง แล้วนำเงินส่วนนั้นเปลี่ยนมาเป็นเงินออม และหากต้องการเพิ่มความมั่นคงในชีวิตก็สามารถปรับสัดส่วนการออมเงินให้เพิ่มขึ้นได้
4. หาช่องทางในการเพิ่มรายได้
หารายได้นอกเหนือจากรายได้หลักหรืองานประจำ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับการเงินของตนเอง
มาฟัง “คุณสุรพล โอภาสเสถียร” ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร แนะนำวิธีการประคองธุรกิจ SME ทำอย่างไรถึงจะอยู่รอดได้ เมื่อประสบกับปัญหาหลัก อาทิ
– ขายของไม่ดี
– ไม่มีกำไร
– ใช้หนี้ไม่ทัน
ผู้ประกอบการ SME ต้องปลี่ยนวิธีคิด ลดต้นทุน เปลี่ยนวิธีการค้าขาย สิ่งสำคัญ คือ การควบคุมค่าใช้จ่าย และถ้ามีหนี้ก็ต้องปรับโครงสร้างหนี้
“3 ข้อแนะนำเพื่อสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง”
มาฟัง “คุณสุรพล โอภาสเสถียร” ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร แนะนำสิ่งที่ควรรู้ ใครทำตามได้ทั้ง 3 ข้อนี้ รับรองว่าสถานะการเงินแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน
1. อย่าชะล่าใจ
2. ต้องมีเงินเก็บ 6 เท่า ของค่าใช้จ่ายต่อเดือน
3. ต้องระวังมิจฉาชีพและหนี้นอกระบบ
Ep.2 มาฟัง “คุณสุรพล โอภาสเสถียร” ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร มาแนะนำสิ่งที่ควรรู้ว่า “ใครมีหนี้อยู่ควรจัดการอย่างไร?”
กับ 4 ข้อแนะนำที่จะรับมือกับวิกฤติ Covid-19 ที่ควรรู้
1. ต้องออมเงินเพิ่มขึ้น
2. ต้องหยุดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
3. กินอยู่อย่างไม่ปรุงแต่ง
4. ถ้าเป็นหนี้ต้องปรับโครงสร้าง
ทางตันที่สี่แยก
ใครก็ตามที่เติบโตขึ้นมาภายใต้แรงผลักดันความโลภ โกรธ หลง อันเป็นพื้นฐานของมนุษย์ที่อุดมไปด้วยกิเลส ยึดถือเอาเป้าหมายเป็นคำพูดสวยๆ ว่ามันคือการสร้างงาน สร้างอาชีพ ได้สร้างและสะสมความมั่งคั่งให้กับตนเอง ครอบครัว กิจการ สร้างความมั่นคงในทางทรัพย์สินเพื่อเป็นหลักประกันว่า “จะเสียหาย ทุกข์ยากเป็นคนสุดท้าย” แล้วแปลงสิ่งเหล่านี้มาเป็นความชอบธรรมผ่านกฎกติกาของสังคมที่ตนเองและกลุ่มของตนเองคิด พัฒนาขึ้นมาเพื่อการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ เข้าถึงระบบการศึกษา เข้าถึงระบบการกำกับดูแล ระบบการตัดสินว่าใครผิดใครถูก ถูกเรื่องไหน ผิดเรื่องอะไร ความแตกต่างในจุดนี้ได้สร้างช่องว่างที่เรียกว่าความเหลื่อมล้ำระหว่างคนกับคน กลุ่มคนกับกลุ่มคน ขยายตัวขึ้นมาทุกวันทุกปี ไม่ว่าจะวัดด้วยสิ่งใด จนวันหนึ่งเราก็ตื่นขึ้นมาจากที่นอนอันสุขสบายแล้วพบว่า สี่แยกแห่งความเป็นอยู่ได้เกิดเหตุอุดตันจนปริวิตกไปว่า ฉันยังจะรักษาสิ่งนี้ได้ต่อไปอีกหรือไม่ เพราะสิ่งที่มาตามทางแยกมันเจรจาได้ยาก รับมือได้ยากมากๆ สิ่งที่มาในแต่ละแยกคือ
1.แยกที่หนึ่งคือการแพร่ระบาดของไวรัส ที่มีความเป็นตายเป็นเดิมพัน
2.วิกฤติทางเศรษฐกิจ หนักเบาก็ตามแต่โครงสร้างว่าออกแบบกันแบบไหน ไปขึ้นกับปัจจัยทางสาธารณสุขกันขนาดไหน
3.วิกฤติทางการเมือง มีความคิดเห็นในทางการเมืองที่แตกต่างหลากหลาย ซ้ายสุดขั้ว ขวาตกขอบ แรงงานเป็นใหญ่ ทุนต้องมาก่อน คนที่อยู่ตัวอยากอยู่แบบเดิม คนที่เห็นความลำบากในอนาคตอยากเปลี่ยนแปลง มันก็มาปะทะกันในทุกมิติในเวลาปัจจุบัน ยิ่งเป็นยามโพล้เพล้เวลานี้ที่เมืองกรุง ยิ่งให้ประหวั่นพรั่นพรึง ยกเว้นพี่ๆ รถขายของกิน CIA ที่มองเป็นโอกาสถ้าไม่โดนแกงไปเสียก่อน ที่สำคัญคือผู้คนในระบบการเมืองของกรอบปัจจุบันจะ (1) เข้าอกเข้าใจหรือไม่ว่าเรากำลังเจออะไรกันอยู่ (2) พี่ๆ เหล่านั้นในระบบจะหาทางออกจากปัญหาที่แท้จริงได้หรือไม่หรือจะยิ่งทำให้ปัญหามันไปไกลจนยากแก้ไขและ (3) กลไกหรือระบบที่พี่ๆ วเขาอยู่กันนั้นเป็นกลไกที่เรียกว่าอำนาจในการกำหนดชะตาชีวิตเป็นของผู้คนจริงหรือระบบตัวแทนยังมีประสิทธิภาพหรือไม่หรือเป็นเพียงรูปแบบเท่านั้น
4.ความเจริญงอกงามทางเทคโนโลยีและความเร็วของข่าวสารทั้งจริงและเท็จมันวิ่งเข้ามาปะทะผู้คนทุกเพศทุกวัย จนเปรียบเทียบได้ว่ามันแทบจะกลืนกินชีวิตจิตใจแถมครอบงำวิญญาณเลยทีเดียว ระบบความคิดแบบ 1,2,3..เป็นขั้นตอนไม่สามารถประมวลผลที่ดีที่สุดออกมาได้ มันมาพร้อมกัน ความยืดหยุ่นในการตั้งรับ ซึมซับในความเห็นต่างแทบไม่เกิด อะไรที่แตกต่างหลากหลาย คนรับข้อมูลเลือกที่จะไม่รับด้วยการใช้นิ้วมือไถทิ้งออกไป ตัวอย่างการเห็นข้อมูล live สดของคนจังหวัดหนึ่ง แล้วโทรเข้ารายการที่กรุงเทพฯ แล้วเล่าเหตุการณ์ที่สี่แยก จากนั้นก็วิจารณ์ ต่อด้วยสรุปความเห็น สุดท้ายคือเสนอทางเลือกจากชุดความคิดตนเองตั้งแต่จุดเริ่มต้นก่อนดู live สดเสียอีกเราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Jump to conclusion at the starting point
คำถามที่สำคัญคือ เราจะออกจากสี่แยกที่ตันนี้ไปได้อย่างไร มีผู้เสนอเป็นแนวทางในการเดินออกจากทางตันดังนี้
1.คนที่คิดแบบติดในอดีตต้องทำตัวเป็นเด็กลง คิดว่าถ้าตนเองเป็นเด็กแล้วเขาคิดอะไรกัน ไม่โกรธกับสิ่งที่เขาตั้งคำถาม
2.คนที่ต้องการอนาคตในมุมแบบตนและต้องการเปลี่ยนแปลงเริ่มจากปัจจุบันต้องใช้จุดแข็งความสุภาพ ไม่ก้าวร้าว ด่าทอ เก่งจริงต้องอ่อนนอกแข็งใน (ความคิด) ไม่ใช่หักเอา หักเอา คือต้องมีอายุในทางความคิดมากขึ้นแม้ตัวตนจะเป็นเด็ก
3.ใช้สิ่งที่เรียกว่า ความยืดหยุ่น ไม่มีกรอบ ไม่มีการตั้งธงไว้ก่อน แต่เริ่มจากเป้าหมายสุดท้ายที่ตรงกันมากที่สุด แล้วเริ่มคุยจากจุดสุดท้ายที่คล้ายกัน (ไม่ต้องตรงกันเป๊ะ) มาหาจุดเริ่มต้นที่จะร่วมด้วยช่วยกันแก้ไข มันจะไม่มีวันสำเร็จถ้าใคนหนึ่งเห็นปัญหาในทุกทางออก กับอีกคนเห็นทางออกในทุกปัญหา แล้วทั้งสองมาคุยกันแบบถ้าเอาอย่างเธอ ฉันไม่ทำ หรือต้องเอาอย่างฉัน โดยเธอเริ่มก่อน น่าเสียดายที่วันนี้เรามีแต่นักรบปัญญาชน แต่เราอาจจะมีปัญญาชนคนเสนอทางออกน้อยไป ดังข้อความของพี่ที่เคารพท่านหนึ่งของผู้เขียนได้กล่าวไว้ในข้อความที่เผยแพร่ต่อสาธารณะความว่า
… สำหรับขบวนการปัญญาชนที่ก้าวหน้าในเวลานี้ก็กระโดดเข้าสนามต่อสู้ประยุทธ์กับรัฐ และต่อสู้กับ “ฝ่ายตรงข้าม” แม้จะเห็นอนาคตวิบัติอยู่รำไร แต่
ในยามนี้ยากที่จะมีใครถอนตัวจากสนามรบได้แล้ว
จึงเหลือแต่สถาบัน องค์กรสาธารณะทั้งที่เป็นรัฐ (กสม. สสส. สช. สกสว. พอช….) สถาบันวิชาการ สื่อมวลชนหรือองค์กรประชาสังคมที่ไม่ว่าจะทำงาน
สาธารณะในแง่มุมไหน แม้จะขีดวงว่าตัวเองไม่เกี่ยวกับการเมืองใดๆ แต่เราไม่สามารถนั่งพิงเก้าอี้หรือเกาะขอบสนามอยู่ได้อีกต่อไป ควรจะต้องลุกขึ้นผลัก
ดันให้เกิดข้อตกลง กระบวนการจัดการความขัดแย้งอย่างสันติให้ได้เดี๋ยวนี้ ก่อนความรุนแรงที่เริ่มก่อตัวยกระดับจนกลายเป็นความวิบัติ…
ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB: Kritsada Boonchai
มีแต่นักสันติวิธีแล้วโพล้เพล้นี้ที่น่าจะพอเป็นแกนนอนพาแกนนำออกจากสี่แยกที่ติดขัดจนเศรษฐกิจ สังคม การเมือง กลับก็ไม่ได้ ไปก็ไม่ถึง… เป็นที่ทุกขเวทนานัก
หากเพิ่มรายละเอียดอีกนิดจะเกิดความสบายใจได้มากขึ้น
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-advertisement | 1 year | Set by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie records the user consent for the cookies in the "Advertisement" category. |
cookielawinfo-checkbox-analytics | 1 year | Set by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie records the user consent for the cookies in the "Analytics" category. |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 1 year | Set by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie records the user consent for the cookies in the "Necessary" category. |
cookielawinfo-checkbox-others | 1 year | Set by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie stores user consent for cookies in the category "Others". |
CookieLawInfoConsent | 1 year | CookieYes sets this cookie to record the default button state of the corresponding category and the status of CCPA. It works only in coordination with the primary cookie. |
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
_clck | 1 year | Microsoft Clarity sets this cookie to retain the browser's Clarity User ID and settings exclusive to that website. This guarantees that actions taken during subsequent visits to the same website will be linked to the same user ID. |
_clsk | 1 day | Microsoft Clarity sets this cookie to store and consolidate a user's pageviews into a single session recording. |
_fbp | 3 months | Facebook sets this cookie to display advertisements when either on Facebook or on a digital platform powered by Facebook advertising after visiting the website. |
_ga | 1 year 1 month 4 days | Google Analytics sets this cookie to calculate visitor, session and campaign data and track site usage for the site's analytics report. The cookie stores information anonymously and assigns a randomly generated number to recognise unique visitors. |
_ga_* | 1 year 1 month 4 days | Google Analytics sets this cookie to store and count page views. |
CLID | 1 year | Microsoft Clarity set this cookie to store information about how visitors interact with the website. The cookie helps to provide an analysis report. The data collection includes the number of visitors, where they visit the website, and the pages visited. |
CONSENT | 2 years | YouTube sets this cookie via embedded YouTube videos and registers anonymous statistical data. |
MR | 7 days | This cookie, set by Bing, is used to collect user information for analytics purposes. |
SM | session | Microsoft Clarity cookie set this cookie for synchronizing the MUID across Microsoft domains. |
SRM_B | 1 year 24 days | Used by Microsoft Advertising as a unique ID for visitors. |
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
ANONCHK | 10 minutes | The ANONCHK cookie, set by Bing, is used to store a user's session ID and verify ads' clicks on the Bing search engine. The cookie helps in reporting and personalization as well. |
MUID | 1 year 24 days | Bing sets this cookie to recognise unique web browsers visiting Microsoft sites. This cookie is used for advertising, site analytics, and other operations. |
VISITOR_INFO1_LIVE | 5 months 27 days | YouTube sets this cookie to measure bandwidth, determining whether the user gets the new or old player interface. |
YSC | session | Youtube sets this cookie to track the views of embedded videos on Youtube pages. |
yt-remote-connected-devices | never | YouTube sets this cookie to store the user's video preferences using embedded YouTube videos. |
yt-remote-device-id | never | YouTube sets this cookie to store the user's video preferences using embedded YouTube videos. |
yt.innertube::nextId | never | YouTube sets this cookie to register a unique ID to store data on what videos from YouTube the user has seen. |
yt.innertube::requests | never | YouTube sets this cookie to register a unique ID to store data on what videos from YouTube the user has seen. |
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
VISITOR_PRIVACY_METADATA | 5 months 27 days | Website privacy floating bar. |
wpsp_cookie_0cc33907ad | session | Website popup banner. |